อ่าวเปอร์เซียระอุ! ซาอุฯ-คูเวต-ยูเออี สั่งพลเมืองออกจากเลบานอนโดยด่วน

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้สั่งให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากประเทศเลบานอน และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเลบานอนด้วย ท่ามกลางความตึงเครียดของปัญหาระหว่างกลุ่มประเทศในแถบตะวันออกกลาง

“เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันในเลบานอน ราชอาณาจักรจึงขอเรียกร้องให้พลเมืองซาอุฯ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวหรือพำนักในเลบานอน ออกจากประเทศเลบานอนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ เรายังขอแนะนำว่าไม่ควรเดินทางไปยังเลบานอนไม่ว่าจะเริ่มต้นการเดินทางจากที่ใด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศซาอุฯกล่าว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังซาอุฯกล่าวหาว่าเลบานอนประกาศสงครามกับตนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังอ้างว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์เลบานอน เกี่ยวข้องกับเหตุที่เยเมนยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งใส่ซาอุฯเมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งซาอุฯกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกบฏฮูตี ที่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุน

โดยหลังจากที่ซาอุฯออกประกาศสั่งให้พลเมืองเดินทางออกจากเลบานอนไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงต่างประเทศคูเวตก็ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน โดยสำนักข่าวคูเวตนิวส์รายงานว่า ประเทศคูเวตเดินตามรอยซาอุฯที่สั่งให้พลเมืองเดินทางออกจากเลบานอน รวมถึงไม่เดินทางไปเลบานอนด้วย

คูเวตอ้าง “สถานการณ์ในประเทศเลบานอนขณะนี้” เป็นเหตุผลให้รัฐบาลแนะนำให้พลเมืองคูเวตเดินทางออกจากเลบานอนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ยังบอกพลเมืองของประเทศให้ไม่เดินทางไปยังเลบานอนอีกด้วย โดยยูเออีระบุว่า ชาวยูเออีไม่ควร “เดินทางจากยูเออีหรือที่ไหนก็ตาม ไปยังเลบานอน”

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเลบานอน ได้ตัดสินใจลาออกขณะกำลังอยู่ในรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่เมืองหลวงของซาอุฯ สร้างสุญญากาศทางการเมืองในประเทศที่มีรอยร้าวทางการเมืองอยู่แล้ว

โดยในถ้อยแถลงลาออกของนายกฯเลบานอนนั้นอ้างว่าตนถูกลอบสังหาร และกล่าวหาว่าอิหร่านแทรกแซงกิจการในภูมิภาคนี้ ซึ่งก่อให้เกิด “ความหายนะและความสับสนวุ่นวาย”


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอน 2 คน กล่าวหาว่าซาอุฯบีบให้เขาต้องอยู่ที่นั่น และสั่งให้เขาอ่านแถลงการณ์ลาออกและกักบริเวณเขา