Netflix ผุดวิดีโอเกม หลัง ‘สตรีมมิ่ง’ ชะลอ

แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่ง “เน็ตฟลิกซ์” (Netflix) กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอเกม ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ซีรีส์ และภาพยนตร์ยอดฮิตของเน็ตฟลิกซ์ อย่างเช่น “สเตรนเจอร์ ธิงส์” (Stranger Things) และ “เดอะ ดาร์ก คริสตัล : เอจ ออฟ รีซิสแทนซ์” (The Dark Crystal : Age of Resistance) เป็นต้น ซึ่งทางเน็ตฟลิกซ์ระบุว่า บริษัทมองธุรกิจวิดีโอเกมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เหมือนกับธุรกิจผลิตคอนเทนต์ของเน็ตฟลิกซ์ และจะเข้ามาเป็นฟีเจอร์ช่วยให้สาวกเน็ตฟลิกซ์ได้สัมผัสถึงเรื่องราวของคอนเทนต์ต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง รวมทั้งได้มีส่วนร่วมกับเรื่องราวคอนเทนต์เน็ตฟลิกซ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

“รีด แฮสติ้งส์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม “เน็ตฟลิกซ์ อิงก์” กล่าวว่า ฟีเจอร์วิดีโอเกม และฟีเจอร์อื่นนอกจากวิดีโอสตรีมมิ่งอย่างพอดแคสต์ และการจำหน่ายสินค้า จะเข้ามาช่วยดึงดูดและรักษาสมาชิกผู้ใช้บริการกับธุรกิจหลัก ซึ่งก็คือวิดีโอสตรีมมิ่ง

ทั้งนี้ แม้ว่าสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกผู้ใช้บริการมากถึง 209 ล้านคน แต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สมาชิกผู้ใช้งานเน็ตฟลิกซ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ลดลงถึง 430,000 คน ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 10 ปี ที่เน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกลดลงในประเทศเหล่านี้

นอกจากนี้ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 1.54 ล้านคนทั่วโลก เทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีสมาชิกใหม่เพิ่มมากถึง 10.1 ล้านคน โดยบริษัทคาดการณ์ว่า ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ จะมีสมาชิกผู้ใช้งานใหม่ 3.5 ล้านคน ขณะที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีตคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้น 5.5 ล้านคน

รอยเตอร์สรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่างเน็ตฟลิกซ์ต้องค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อที่จะมาเพิ่มจำนวนสมาชิกมากยิ่งขึ้น หลังจากหลายปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัย “อีมาร์เก็ตเตอร์” รายงานว่า เน็ตฟลิกซ์จะมีส่วนแบ่งตลาดของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งลดลงเหลือเพียง 30.8% ในสิ้นปีนี้ จากเมื่อปี 2018 เน็ตฟลิกซ์มีส่วนแบ่งถึงเกือบ 50%

ถึงแม้แพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์จะได้รับความนิยมอย่างมากช่วงโควิด-19 ระบาด แต่หลังจากที่หลายประเทศเริ่มควบคุมสถานการณ์โควิดได้ ซึ่งได้ทำให้ทางการปลดมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ จึงทำให้ผู้คนได้ออกจากบ้าน ไม่อยู่หน้าจอ รวมถึงการที่ผู้คนกลับไปดูภาพยนตร์ในโรงหนังเพิ่มมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ช่วงที่โควิด-19 ระบาด เน็ตฟลิกซ์ได้รับผลกระทบหนัก จากการที่ไม่สามารถถ่ายทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้ และทำให้มีคอนเทนต์ใหม่ออกมาลดลง รวมถึงสมรภูมิแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ หลังแพลตฟอร์มยักษ์อย่าง “ดิสนีย์พลัส” (Disney+) และ “เอชบีโอ แมกซ์” (HBO Max) เปิดเกมรุกดูดลูกค้าได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

“เจสซี่ โคเฮน” นักวิเคราะห์อาวุโส จากอินเวสติ้งดอตคอม กล่าวว่า เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา ท่ามกลางสมรภูมิแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ดุเดือด ได้ทำให้ผลงานตัวเลขของเน็ตฟลิกซ์ “น่าผิดหวัง” โดยปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทไม่ได้มีโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะมาเป็น “แรงกระตุ้น” ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์จะขยายตัวเหมือนช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ได้

อย่างไรก็ดี ทางเน็ตฟลิกซ์ได้หวังว่ารายได้ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศได้เริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บริษัทกลับมาถ่ายทำซีรีส์และภาพยนตร์ได้เหมือนกับก่อนช่วงโรคระบาดได้ โดยเน็ตฟลิกซ์สัญญาว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีการฉายซีซั่นใหม่ของซีรีส์ อย่างเช่น “ยูว์” (You) “มันนี่ ไฮสต์” (Money Heist) และ “เดอะ วิตเชอร์” (The Witcher) เป็นต้น

โดยหากได้สมาชิกผู้ใช้งานใหม่ตามที่บริษัทคาดการณ์ในไตรมาสนี้หมายความว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเน็ตฟลิกซ์จะมีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มถึง 54 ล้านคน


ถึงแม้ว่าคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์ได้มีการควบรวมหรือซื้อกิจการเพื่อขยายเครือข่าย ธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในสมรภูมิแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากยิ่งขึ้น แต่ทางเน็ตฟลิกซ์ยืนยันว่า ยังไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องควบรวมกับกิจการอื่น ๆ