สหรัฐไม่ล็อกดาวน์ หลังคน “ฉีดวัคซีนมากพอ” แม้ยอดติดโควิดพุ่ง 

Quin Smith, of Philadelphia Pennsylvania, looks up at a balcony as she walks down Bourbon Street as Louisiana's coronavirus disease (COVID-19) cases rise amid Delta variant, in New Orleans, Louisiana, U.S., July 23, 2021. Picture taken July 23, 2021. REUTERS/Kathleen Flynn

สหรัฐอเมริกาจะไม่ล็อกดาวน์ เนื่องจากมีประชาชนที่ฉีดวัคซีนมากพอแล้ว ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ

วันที่ 2 สิงหาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “แอนโทนี เฟาชี” ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคระบาดของทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ประเทศจะไม่ล็อกดาวน์ ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์การระบาดในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม ออกมาเตือนว่าสถานการณ์อาจแย่ลง

เฟาชีระบุว่า สาเหตุที่ยังไม่มีการออกมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากมีประชาชนที่ฉีดวัคซีนมากพอ จึงไม่ต้องยกระดับมาตรการถึงระดับนั้น พร้อมกล่าวด้วยว่า การที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนจำนวนมากแล้วนั้น อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการกำจัดเชื้อไวรัส แต่เพียงพอสำหรับการป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายเหมือนช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่สูงถึง 122,674 คน ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 35,768,924 ขณะเดียวกัน ประชากร 58.3% ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ส่วน 50.2% ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

ทั้งนี้ “โจ ไบเดน” กล่าวด้วยว่า ลักษณะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตอนนี้คือเป็น “โรคระบาดท่ามกลางคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน” ซึ่งที่ผ่านมา คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เสียชีวิตลงทั้งที่จริง ๆ แล้วสามารถป้องกันไว้ได้ โดยได้เรียกร้องให้แต่ละรัฐมีการแจกเงิน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งได้อนุมัติไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้คนออกมาฉีดวัคซีนมากขึ้น หลังยังมีประชาชนที่ไม่ยอมไปฉีด