
จากที่ “จีน” ใช้กฎระเบียบเพื่อตรวจสอบควบคุมบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และกระทบต่อมูลค่าของบริษัทเทคโนโลยีจีน ซึ่งกลุ่มทุนอย่าง “ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป” ก็ตระหนักถึงความไม่แน่นอนดังกล่าว และเริ่มมองหาธุรกิจที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า อย่าง “อาเซียน”
นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า “มาซาโยชิ ซัน” ประธานและซีอีโอของซอฟต์แบงก์ กลุ่มทุนด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า ซอฟต์แบงก์กำลังพิจารณาปรับ “ลด” ระดับการลงทุนรอบใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีจีนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบของรัฐบาลจีน ที่ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ในบริษัทเทคโนโลยีจีนลดลง
“ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และรูปแบบธุรกิจของจีนจะยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ต่อไป แต่ในด้านกิจกรรมการลงทุน เมื่อเริ่มมีการใช้กฎระเบียบใหม่ ๆ ผมจึงต้องรอดูก่อนว่ากฎระเบียบใดที่จะถูกนำมาใช้ และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรบ้าง”
อย่างไรก็ตาม ซันยืนยันว่า ไม่ได้ต่อต้านรัฐบาลจีน หรือกฎระเบียบใหม่ที่จะออกมาใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งหากสถานการณ์ชัดเจนขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมามีส่วนร่วมในการลงทุนอย่างแข็งขัน
ที่ผ่านมามีบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ซอฟต์แบงก์ถือหุ้น ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลจีนหลายราย เช่น “ตีตี โกลบอล” ผู้ให้บริการไรด์เฮลลิ่งรายใหญ่ของจีน ที่ซอฟต์แบงก์ลงทุนเกือบ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มูลค่าหุ้นของตีตีฯ ร่วงลงถึง 33% เมื่อทางการจีนเข้ามาตรวจสอบและสั่งระงับการให้บริการแอปพลิเคชั่นชั่วคราว หลังจากที่ขายหุ้นไอพีโอในตลาดหุ้นสหรัฐได้ไม่นาน
นอกจากนี้ “อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง” อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนที่ซอฟต์แบงก์ถือหุ้นอยู่เกือบ 25% ก็ถูกควบคุมตรวจสอบอย่างหนักภายใต้การออกกฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลจีน ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของอาลีบาบาในเดือน ก.ค. ลดลงถึง 14%
รวมถึงสตาร์ตอัพจีนอีกหลายรายในพอร์ตของซอฟต์แบงก์อย่าง “ฟูล ทรัค อัลลิอันซ์” ผู้ให้บริการรถบรรทุกเฮลลิ่ง, เคอี โฮลดิงส์ แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทฟินเทคอย่าง วันคอนเน็ค ไฟแนนเชียล เทคโนโลยี ต่างได้รับผลกระทบทำให้มูลค่าหุ้นร่วงลงกว่า 30% ในเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การลดระดับการลงทุนในจีนของซอฟต์แบงก์ครั้งนี้ อาจเป็นโอกาสดีของสตาร์ตอัพอาเซียน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ซอฟต์แบงก์ส่งสัญญาณว่าให้ความสนใจต่อบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนที่มีแนวโน้มจะกลายเป็น “ยูนิคอร์น” ที่มีมูลค่าธุรกิจทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซันได้เปิดเผยว่า กำลังมองหาสตาร์ตอัพในอาเซียนที่มีศักยภาพเช่นเดียวกับ “แกร็บ” ไรด์เฮลลิ่งรายใหญ่ของสิงคโปร์ที่ซอฟต์แบงก์เข้าไปลงทุน ซึ่งขณะนี้ “แทรกซ์ รีเทล” (Trax Retail) สตาร์ตอัพระบบคลาวด์จัดการร้านค้าปลีกของสิงคโปร์ ที่ซอฟต์แบงก์กำลังให้ความสนใจ
ทั้งนี้ ซอฟต์แบงก์ได้เริ่มลงทุนในแทรกซ์ฯไปแล้วในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผ่านกองทุน “วิชั่น ฟันด์ 2” นอกจากนี้ ที่ผ่านมาซอฟต์แบงก์ยังได้เข้าลงทุนในสตาร์ตอัพสิงคโปร์อย่าง “แพตสแนป” (PatSnap) เว็บไซต์ค้นหาและวิเคราะห์สิทธิบัตร รวมถึง “คาร์โร” (Carro) แพลตฟอร์มค้นหาและซื้อขายรถยนต์มือสอง