อนุมัติ “ไฟเซอร์” เต็มรูปแบบ หนุน “โมเมนตัม” เศรษฐกิจสหรัฐ

คอลัมน์ชีพจรเศรษฐกิจโลก

นงนุช สิงหเดชะ

 

แม้จะเป็นประเทศที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้เอง และมีวัคซีนเพียงพอสำหรับฉีดให้ประชากรทุกคน แต่สหรัฐอเมริกากลับประสบปัญหาชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย “ปฏิเสธ” การฉีด เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ทำให้แผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลไม่คืบหน้าตามเป้าหมาย เป็นอุปสรรคต่อการเปิดเศรษฐกิจและเปิดกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะทำให้ประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ได้อนุมัติการใช้วัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์-ไบออนเทค อย่างเต็มรูปแบบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวัคซีนเจ้าแรกที่ได้รับอนุมัติเต็มรูปแบบ ได้สร้างความหวังว่าจะกระตุ้นให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น ซึ่งเอฟดีเอชี้ว่าจะเป็นห้วงเวลาสำคัญมากสำหรับสหรัฐในการต่อสู้กับโควิด-19

ที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว วัคซีนของ “ไฟเซอร์” ได้รับอนุมัติให้ใช้แบบฉุกเฉิน ทำให้ชาวอเมริกันกังวลเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากเห็นว่าเป็นของใหม่ ไม่เป็นที่รู้จักและระยะเวลาการทดสอบในมนุษย์ไม่นานและไม่มากเพียงพอ แต่เมื่อเอฟดีเอให้การรับรองเต็มรูปแบบ หมายถึงว่าวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานของเอฟดีเอแล้ว จะช่วยประกันความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้น

นอกจากนี้ จะทำให้บรรดาบริษัทธุรกิจ สถาบัน หน่วยงานต่าง ๆ กล้าออกระเบียบบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนได้ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เคยอ้างว่าจะไม่บังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนตราบเท่าที่ยังไม่ได้รับการรับรองเต็มรูปแบบจากเอฟดีเอก็จะหมดข้ออ้าง รวมทั้งปัจเจกบุคคลต่าง ๆ ด้วย

การอนุมัติเต็มรูปแบบจาก “เอฟดีเอ” เท่ากับเป็นการอนุญาตให้บริษัทและองค์กรต่าง ๆ สามารถออกข้อกำหนดให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนได้ ซีเอ็นเอ็นระบุว่า บริษัทอเมริกันขนาดใหญ่ เช่น ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, ดิสนีย์, วอลมาร์ต, ไมโครซอฟท์, กูเกิล, เฟซบุ๊ก ได้ประกาศแผนที่จะออกข้อบังคับเรื่องวัคซีนแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจะมีอีกหลายบริษัททำอย่างเดียวกัน

ข่าวเรื่องการอนุมัติวัคซีนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำสถิติใหม่ โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในวันอังคารที่ 24 สิงหาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.2% ที่ 4,486 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า ส่วนแนสแดค ขยับขึ้น 0.5% ปิดตลาดที่ 15,019 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน ขณะที่ราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้น

“จิม เครเมอร์” นักวิเคราะห์หุ้น ชี้ว่าตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นหลังจากข่าวการอนุมัติไฟเซอร์เต็มรูปแบบ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนอยากเข้าซื้อหุ้นอย่างเต็มที่แม้จะต้องจ่ายแพงขึ้น พวกเขามีปฏิกิริยาทางบวกต่อข่าวดี โดยเฉพาะถ้าข่าวนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะมาต่อสู้กับโควิด-19 หรือทำให้สถานการณ์ติดเชื้อดีขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น แอร์บีเอ็นบี สายการบิน เรือสำราญกระโดดขึ้น

ช่วงกลางเดือนสิงหาคม การถูกไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า เล่นงานทำให้อัตราการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกากลับมาพุ่งขึ้นหลักแสนต่อวันอีกครั้ง ถอยกลับไปอยู่ระดับเดียวกับต้นปี เพราะมีชาวอเมริกันประมาณ 90 ล้านคนไม่ยอมฉีดวัคซีน

ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความกังวลให้กับวงการแพทย์ แต่ยังสร้างความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์ด้วย เพราะเกรงว่าสายพันธุ์เดลต้าจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอลง เพราะบริษัทต่าง ๆ และลูกจ้างจะยังไม่กลับมาทำงานที่ออฟฟิศภายในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐจะยังเติบโตและไม่ได้อ่อนแอก็ตาม

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ตามข้อมูลของ “กูเกิล โมบิลิตี้” ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวอเมริกันชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในส่วนต่าง ๆ ยังไม่เท่ากัน โดย ณ วันที่ 17 สิงหาคม กิจกรรมสันทนาการ เช่น การไปสวนสาธารณะ ชายหาด เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ขณะที่การไปร้านขายของชำและร้านขายยาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตรงกันข้ามกับกิจกรรมในสถานที่ทำงานลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาด กิจกรรมการใช้รถไฟลดลง 23% เป็นต้น