บิตคอยน์ดิ่ง 16% หลัง “กฎหมายบิตคอยน์” มีผลที่เอลซัลวาดอร์

REUTERS/Jose Cabezas

มูลค่า “บิตคอยน์” ลดลงมากถึง 16% หลังจากกฎหมายบิตคอยน์ เข้ามามีผลภายในประเทศเอลซัลวาดอร์

วันที่ 8 กันยายน 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มูลค่าคริปโทเคอร์เรนซี “บิตคอยน์” ลดลงมากถึง 16% หลังจาก “กฎหมายบิตคอยน์” เข้ามามีผลภายในประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวคือการให้บิตคอยน์ เป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (legal tender) ได้ และกลายเป็นประเทศแรกของโลก ที่ “ยอมรับ” คริปโทฯ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กฎหมายมีผลได้ไม่นาน แอปพลิเคชั่น “ชิโว่” (Chivo) ของรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ของบิตคอยน์ ก็ถูกปิดตัวเซอร์เวอร์ชั่วคราว เพื่อวางระบบโครงสร้างที่รองรับผู้ใช้งานให้เพิ่มมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน ถึงแม้จะมีการออกกฎหมายดังกล่าว แต่ยังมีบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซี ให้เป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ โดยมีผู้ประท้วงหลายพันคนที่ออกไปลงถนนประท้วง คัดค้านกฎหมาย 

โดยจากการทำแบบสำรวจของมหาวิทยาลัย เซ็นทรัล อเมริกัน พบว่าชาวเอลซัลวาดอร์ถึง 70% ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งยังมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจ การใช้งานของสกุลเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ดี “นายิบ บูเคเล” ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ซึ่งให้การสนับสนุนบิตคอยน์เป็นอย่างมาก ได้แถลงการณ์ว่า ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ลงทุนซื้อบิตคอยน์มากถึง 400 เหรียญ ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมดราว 20.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 681 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ก่อนที่กฎหมายจะมีผลเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) เอลซัลวาดอร์ได้เตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานบิตคอยน์อย่างถูกกฎหมาย โดยทางการได้ติดตั้งตู้เอทีเอ็ม 200 แห่งทั่วประเทศ และเตรียมพร้อมสาขาธนาคาร 50 แห่ง เพื่อรองรับบิตคอยน์โดยเฉพาะ