ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงิน 4.63 แสนล้านบาท อุ้ม “เอเวอร์แกรนด์”

REUTERS/Carlos Garcia Rawlins

ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดเงินเข้าตลาดการเงินของประเทศ มากถึง 9 หมื่นล้านหยวน ขณะที่ยักษ์อสังหาฯ สัญชาติจีน “เอเวอร์แกรนด์” กำลังจะใกล้ “ล้มละลาย”

วันที่ 18 กันยายน 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดเงินเข้าตลาดการเงินของประเทศ มากถึง 9 หมื่นล้านหยวน (4.63 แสนล้านบาท) บนพื้นฐานสุทธิผ่านข้อตกลงการซื้อคืนย้อนหลัง 7 วันและ 14 วันเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) หลังยักษ์อสังหาริมทรัพย์จีน “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป” ใกล้ล้มละลาย ซึ่งเป็นการเติมเงินเข้าระบบการเงินจีนมากที่สุด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


ส่องผลกระทบ หากยักษ์อสังหาจีน “เอเวอร์แกรนด์” ล้มละลาย

ทั้งนี้ ยักษ์อสังหาฯ สัญชาติจีน “เอเวอร์แกรนด์” กำลังจะใกล้ “ล้มละลาย” โดยถึงแม้ก่อนหน้านี้  เอเวอร์แกรนด์ได้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่เริ่มประสบปัญหา หลังรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 เพื่อติดตามและควบคุมหนี้สินของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อย่างใกล้ชิด 

โดยมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าว จึงทำให้ “เอเวอร์แกรนด์” ซึ่งพึ่งพาเงินจากการขายล่วงหน้า แล้วนำมาหมุนธุรกิจต่าง ๆ ต้องเทขายโครงการ พร้อมส่วนลดที่สูงลิ่ว อย่างไรก็ตาม เงินก็ยังไม่พอสำหรับหนี้สินมูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากหลายปีก่อนได้กู้เงินเพื่อสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ การล้มละลายของ “เอเวอร์แกรนด์” จะส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ต่อกันไปเรื่อย ๆ โดย “ธนาคาร” จะได้รับผลกระทบเป็นฝ่ายแรก ซึ่งเงินที่ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเข้าไปล่าสุด ก็เพื่อรักษาสภาพคล่อง รวมถึงสร้างความมั่นใจในระบบการเงินของประเทศ

ขณะเดียวกัน ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นักลงทุนรวมถึงผู้ที่ซื้อบ้านต่างออกกันมานัดชุมนุมประท้วง ที่ออฟฟิศและสำนักงานใหญ่ของเอเวอร์แกรนด์ เนื่องจากต้องการได้รับเงินคืน หลังจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ถูกระงับ 

นอกจากนี้ หากเอเวอร์แกรนด์ยังติดหนี้ซัพพลายเยอร์และยังไม่สามารถชำระเงินได้ ซัพพลายเยอร์บางส่วนอาจขาดรายได้จากเอเวอร์แกรนด์ไปทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทกำลังพยายามจ่ายเงินซัพพลายเยอร์ รวมถึงผู้รับเหมา ด้วยสินทรัพย์ของเอเวอร์แกรนด์ เพื่อที่ทางบริษัท จะเก็บเงินไว้สำหรับการจ่ายหนี้อันมหาศาลกับภาคส่วนอื่น