บัณฑิตจบใหม่จีน “เตะฝุ่น” 15% ผลล็อกดาวน์-ปราบยักษ์ธุรกิจจีน

การควบคุมปราบปรามธุรกิจยักษ์ใหญ่ในประเทศของรัฐบาล “จีน” กำลังซ้ำเติมภาคแรงงานที่อ่อนแอจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้อัตราการว่างงานของจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนในขณะนี้

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า ประชากรจีนในชุมชนเมืองอายุระหว่าง 16-24 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาในระดับมัธยมหรืออุดมศึกษา และอยู่ในช่วงการหางาน มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 15.3% ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หรือคิดเป็นสัดส่วนผู้ว่างงาน 1 ต่อ 7 คน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส)

โดยอัตราการว่างงานของประชากรกลุ่มดังกล่าวอยู่ในระดับสูง หากเทียบกับอัตราการว่างงานของประชากรอายุระหว่าง 25-59 ปี อยู่ที่ 4.3% และยังสูงเป็น 3 เท่าของอัตราการว่างงานเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศที่ 5.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน

แม้ว่าผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการว่างงานของจีนเพิ่มสูงขึ้น แต่การควบคุมปราบปรามภาคธุรกิจยักษ์ใหญ่ภายในประเทศของรัฐบาลจีนในขณะนี้ กำลังสร้างแรงกดดันต่อสถานการณ์การจ้างงานภายในประเทศ

“ดิง ช่วง” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนแผ่นดินใหญ่ ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ระบุว่า ภาคธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาเป็นธุรกิจที่เคยรองรับบัณฑิตจบใหม่ของจีนหลายหมื่นคนต่อปี แต่การปราบปรามอย่างรุนแรงของทางการจีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้โรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งต้องปิดตัวลง

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนที่กำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของภาครัฐ ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายต้องปรับโครงสร้างและลดจำนวนพนักงาน ทำให้ความต้องการรับสมัครงานลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในจีนที่ยังพบอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีล่าสุดที่การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ส่งผลให้ทางการเร่งใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดขั้นสูงสุดอีกครั้ง

การต้องหยุดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคบริการและธุรกิจขนาดเล็กในระดับภูมิภาคที่อาจไม่สามารถพยุงธุรกิจต่อไปได้ และต้องปิดตัวลงไปในที่สุด ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งงานหดหายลงไปอีกมาก

ขณะที่สัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง อย่างอัตราการเติบโตของยอดค้าปลีกของจีนในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.5% ลดลงอย่างมากจากระดับ 8.5% ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในหลายพื้นที่

สถานการณ์เหล่านี้ผลักให้บัณฑิตจบใหม่ของจีนต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะไม่สามารถหางานได้ เนื่องจากตำแหน่งงานที่ไม่เพียงพอ ยังไม่รวมถึงการแข่งขันที่คาดว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนบัณฑิตจบใหม่ที่มากขึ้นในแต่ละปี เฉพาะในปีนี้ก็มีบัณฑิตจีนที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามากถึง 9.09 ล้านคน

แม้รัฐบาลจีนจะมีแผนเพิ่มตำแหน่งงานอีก 11 ล้านตำแหน่งภายในปีนี้ และในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาก็มีการสร้างงานแล้ว 9.38 ล้านตำแหน่ง แต่ตำแหน่งงานดังกล่าวไม่ได้พุ่งเป้าไปที่บัณฑิตจบใหม่เพียงกลุ่มเดียว แต่ครอบคลุมผู้ว่างงานทั่วไปและแรงงานข้ามชาติอีกเกือบ 300 ล้านคนในประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญที่บัณฑิตจบใหม่ของจีนต้องฝ่าฟันในขณะนี้