“ไบเดน” ต่อสาย “มาครง” ยุติความตึงเครียด ศึกเรือดำน้ำนิวเคลียร์ “AUKUS “

Doug Mills / POOL / AFP)

“โจ ไบเดน” ได้โทรศัพท์ ต่อสายตรง “เอ็มมานูเอ็ล มาครง” แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อหาทางยุติความตึงเครียดศึกเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ “AUKUS” ฝรั่งเศสยอมส่งทูตกลับไปประจำสหรัฐ 

วันที่ 23 กันยายน 2564 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อดังของสหรัฐรายงานว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเอ็มมานูเอ็ล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสแล้ว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อหาทางยุติความตึงเครียดครั้งร้ายแรงที่สุดระหว่างกันในรอบหลายทศวรรษ เกี่ยวกับข้อตกลงในการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของออสเตรเลีย

Adam Schultz/The White House/Handout via REUTERS

การหารือระหว่างผู้นำทั้งสองกินเวลาราวครึ่งชั่วโมง โดยทำเนียบขาวระบุว่าเป็นการหารือฉันมิตร และผู้นำทั้งสองตกลงที่จะพบกันในเดือนหน้าเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหนทางข้างหน้าต่อไป รวมถึงยังมีการออกแถลงการณ์ร่วมของสองประเทศซึ่งระบุว่า ผู้นำทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นกระบวนการหารือเชิงลึก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะรับประกันความเชื่อมั่นระหว่างกันอีกด้วย

ในการหารือของทั้งสองผู้นำ ได้ตกลงที่จะพบกันในปลายเดือนหน้าที่ยุโรป ซึ่งนายไบเดนได้วางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปลายเดือนตุลาคมนี้

ข่าวสดรายงานว่า การเจรจา ระหว่างนายมาครงและนายไบเดน แถลงการณ์ของสองประเทศระบุว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสจะกลับไปประจำ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐ โดยมีภารกิจที่ต้องทำงานอย่างเข้มข้นกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ

นายไบเดนย้ำถึงความสำคัญของฝรั่งเศส และชาติยุโรป ในยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก หลังจากสหภาพยุโรป เพิ่งเปิดยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจ กระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทหารกับชาติเอเชีย ตั้งแต่อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ไปถึง อาเซียน นิวซีแลนด์ และชาติในทะเลแปซิฟิก

ขณะที่ มติชนรายงานว่า นายเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า จะมีการหารือร่วมกันต่อไป โดยประธานาธิบดีไบเดนหวังว่าขั้นตอนดังกล่าวจะเป็นก้าวหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์อันยาวนาน มีความสำคัญ และเป็นความสัมพันธ์อันถาวรที่สหรัฐมีต่อฝรั่งเศสให้กลับสู่ภาวะปกติ


ทั้งนี้ความไม่พอใจของฝรั่งเศสมีต้นเหตุมาจากการประกาศความร่วมมือทางด้านความมั่นคงออคุสระหว่างสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสต้องสูญเสียความตกลงจัดสร้างกองเรือดำน้ำมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้ลงนามร่วมกับออสเตรเลียก่อนหน้านี้ไป