รมต.ต่างประเทศของฝรั่งเศส ระบุว่า การส่งทูตไปยังออสเตรเลียครั้งนี้เพื่อทบทวนความสัมพันธ์และคุ้มครองผลประโยชน์ของฝรั่งเศส
วันที่ 7 กันยายน 2564 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ฝรั่งเศสประกาศส่งทูตกลับไปประจำที่ออสเตรเลียอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เรียกทูตกลับประเทศ เพื่อประท้วงที่ออสเตรเลียฉีกสัญญาซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศส แล้วหันไปซื้อเรือดำน้ำจากสหรัฐอเมริกาแทน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
“ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง” รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาว่า ได้ขอให้ทูตเดินทางกลับไปประจำที่กรุงแคนเบอร่า ประเทศออสเตรเลียอีกครั้งแล้ว พร้อมภารกิจใหม่ 2 ประการ คือ การพิจารณาสถานะความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับออสเตรเลียหลังจากนี้ใหม่ และการคุ้มครองผลประโยชน์ของฝรั่งเศสอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกสัญญาซื้อเรือดำน้ำ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศยังระบุว่า ได้ทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีกับออสเตรเลียซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงปี 2559 และถือเป็นเป็นหมุดหมายสำคัญของนโนบายเกี่ยวกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ของฝรั่งเศสใหม่อีกครั้งแล้ว เซึ่งพบว่า การเริ่มความสัมพันธ์ทวิภาคีกับออสเตรเลียใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้งนั้นจะไม่ส่งผลกระทบกับความตั้งใจเข้าไปมีส่วนรวมในภูมิภาคแปซิฟิก
ทั้งนี้ความร้าวฉานระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรเลียเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกันยายน หลังออสเตรเลียตัดสินใจฉีกสัญญา สร้างเรือดำน้ำพลังงานดีเซล มูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท) ที่เซ็นไว้กับฝรั่งเศสในปี 2016 โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า พร้อมหันไปร่วมมือกับสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แทน
ส่งผลให้ ฝรั่งเศสไม่พอใจ พร้อมตอบโต้สหรัฐและออสเตรเลีย ด้วยการเรียกทูตประจำออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกากลับประเทศทันที ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศตะวันตกรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
