เอเอฟพีรายงานว่า กรีนพีชตำหนิธุรกิจน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียว่าไม่ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
รายงานของกรีนพีซพบว่า ผู้ค้าธุรกิจน้ำมันปาล์มรายใหญ่ 11 แห่งในอินโดนีเซียไม่มีระบบที่เข้มงวดในการตรวจสอบแหล่งที่มาของปาล์ม และไม่เรียกลงโทษผู้ผลิตที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“ธุรกิจน้ำมันปาลื์มมีข้อตกลงกันที่จะลดการทำลายป่าไม้ แต่เรามองเห็นเพียงแค่ 2 จาก 11 บริษัทเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าพวกเขากำลังยุติการตัดไม้ทำลายป่า” ริชาร์ด จอร์จ นักรณรงค์ด้านป่าไม้ของกรีนพีซระบุ
ทั้งนี้น้ำมันปาล์มถูกใช้ในการผลิตสินค้าหลายอย่างตั้งแต่สบู่ ไปจนพิซซ่าแช่แข็ง แต่มีเสียงวิจารณ์จากผู้บริโภคว่า บริษัทหลายสิบแห่งบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเอาพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และยังผลักดันให้ชนกลุ่มน้อยออกจากพื้นที่อาศัยในป่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทต่างชาติทั่วโลกได้ให้คำมั่นว่าจะทำให้ซับพลายเชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายในปีพ.ศ. 2563
อนึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปหรือ อียู ผู้ที่บริโภคน้ำมันปาล์มมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากอินเดีย มีมติให้เรียกร้องให้กำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสำหรับน้ำมันปาล์มที่เชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่าด้วย