จับตา โอเปกพลัส ชี้ขาดเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ ? คืนนี้ (4 พ.ย.)

โอเปกพลัสประชุมลงมติชี้ขาดเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน
REUTERS/Angus Mordant/File Photo

โอเปกพลัส ประชุมตัดสินจะเพิ่มกำลังการผลิตนอกเหนือจากแผนเดิมหรือไม่ หลังลงมติเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน 

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ยาฮูไฟแนนซ์ รายงานว่า แหล่งข่าวเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย หรือ โอเปกพลัส มีแนวโน้มที่จะคงมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมโอเปกพลัสวันนี้ แม้สหรัฐฯจะกดดันให้ทางกลุ่มเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

ซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของโอเปก ปฏิเสธที่จะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันตามข้อเรียกร้อง ส่วนคูเวตและอิรักยังคงสนับสนุนแผนตามมติเดิม

แหล่งข่าวในกลุ่มโอเปกพลัสกล่าวว่า สหรัฐฯมีความสามารถล้นเหลือในการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบด้วยตนเอง หากสหรัฐฯต้องการช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วขึ้น

ปีนี้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี เหนือระดับ 86 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสค่อย ๆ เพิ่มกำลังผลิต และความต้องการน้ำมันเริ่มฟื้นตัว

แต่บรรดาผู้ผลิตน้ำมันต่างกังวลว่าการเพิ่มกำลังผลิตที่เร็วเกินไป อาจกลายเป็นปัญหาของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หากเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

“แม้จะเผชิญแรงกดดันจากผู้บริโภค แต่ผมคิดว่ามติจากการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเท่าเดิมที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน” แหล่งข่าวรายหนึ่งจากโอเปกกล่าว พร้อมกับเสริมว่า ฝั่งที่สนับสนุนให้เพิ่มกำลังผลิตนั้น เป็นเสียงข้างน้อย

การประชุมดังกล่าวจะเริ่มต้นที่การประชุมคณะกรรมการร่วมตรวจสอบในระดับรัฐมนตรี (Joint Ministerial Monitoring Committee หรือ JMMC) ก่อนจะเป็นการประชุมของรัฐมนตรีน้ำมันจากประเทศสมาชิก ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เพื่อตัดสินว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตนอกเหนือจากแผนเดิมหรือไม่

“ผมคิดว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง” ผู้แทนจากโอเปกพลัสอีกคนกล่าว

ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่กลุ่ม G20 ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งขึ้น

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ญี่ปุ่นและอินเดียร่วมเรียกร้องกับสหรัฐฯ เพื่อพยายามกดดันให้โอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เช่นกัน