LG ลุ้นทุบสถิติ IPO เกาหลีใต้ ขยายฐาน “แบตเตอรี่อีวี” ทั่วโลก

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ “อีวี” (EVs) เป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตไกล จากที่ทั่วโลกหันมาเร่งผลักดันการใช้อีวีกันอย่างจริงจัง ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสนใจขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอีวีมากขึ้น

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า “แอลจี เอเนอร์จี โซลูชั่น” บริษัทเทคโนโลยีพลังงานสัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยแผนการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในตลาดหุ้นโซลเดือน ม.ค. 2565 โดยตั้งเป้าระดมทุนสูงถึง 12.8 ล้านล้านวอน (10,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

โดยแอลจี เอเนอร์จีฯ ได้ยื่นหนังสือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเบื้องต้นอยู่ที่ระหว่าง 257,000-300,000 วอน/หุ้น รวมจำนวน 42.5 ล้านหุ้น

หากประสบความสำเร็จในการระดมทุน จะทำให้มูลค่าตามราคาตลาด (market cap) ของแอลจี เอเนอร์จีฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับ 70.2 ล้านล้านวอน และกลายเป็นหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (Kospi) เป็นรองแต่เพียง “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” และ “เอสเค ไฮนิกซ์” บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่

นอกจากนี้ การระดมทุน 12.8 ล้านล้านวอนของแอลจี เอเนอร์จีฯ ยังจะกลายเป็นไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเกาหลีใต้ ทำลายสถิติไอพีโอของ “ซัมซุง ไลฟ์ อินชัวรันซ์” ที่ระดมทุนได้ 4.9 ล้านล้านวอน ในปี 2010

“ควอน ยัง ซู” ซีอีโอของแอลจี เอเนอร์จี โซลูชั่น ระบุว่า “การเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้เพื่อลงทุนรองรับความต้องการที่จะเพิ่มสูงขึ้นในตลาดแบตเตอรี่สำรอง โดยบริษัทตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันระดับสูงสุดในตลาดโลก”

ปัจจุบัน แอลจี เอเนอร์จีฯ เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ แอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ราว 23.8% ตามหลัง “ซีเอทีแอล” (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติจีน ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 31.2% ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย “เอสเอ็นอี รีเสิร์ช”

เม็ดเงินจากไอพีโอครั้งนี้คาดว่าจะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ที่โรงงานหลักของแอลจี เอเนอร์จีฯ ในเมืองช็องจู (Cheongju) ของเกาหลีใต้ รวมถึงลงทุนเพิ่มเติมทั่วโลกในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน โดยเฉพาะการลงทุนร่วมกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ “สเตลแลนติส” (Stellantis) ที่เพิ่งบรรลุข้อตกลงสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่อีวีสำหรับตลาดในอเมริกาเหนือ ร่วมกับแอลจี เอเนอร์จีฯ 
ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

ทิศทางตลาดรถอีวียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หลายประเทศหันมาส่งเสริมการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง เช่น ความพยายามในการควบคุมราคาแบตเตอรี่และการขยายจุดบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

หน่วยวิจัยตลาดพลังงาน “บลูมเบิร์ก เอ็นอีเอฟ” ประเมินว่า ยอดขายอีวีรวมถึงรถยนต์แบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 3.1 ล้านคัน ในปี 2020 เป็น 14 ล้านคัน ในปี 2025 ซึ่งคิดเป็น 16% ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมด


ขณะที่แบตเตอรี่อีวีก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและราคาต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จากราคาเฉลี่ย 93 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในปี 2024 เป็น 58 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในปี 2030 และ 45 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในปี 2035 ด้วยทิศทางอันสดใสเหล่านี้ทำให้โอกาสที่ความต้องการอีวีจะเพิ่มสูงขึ้น และผลักดันให้แอลจีก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 1 โลกได้ตามเป้าหมาย มีความเป็นไปได้