ไบเดนขึ้นบัญชีดำ “เซนส์ไทม์” ศึกค้ายกใหม่ “จีน-สหรัฐ” ?

ความตึงเครียดระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาปะทุอีกครั้ง หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศแซงก์ชั่นบริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนที่เตรียมระดมทุนครั้งใหญ่ สร้างความกังวลว่า “สงครามการค้า” ระหว่าง 2 ชาติจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในปี 2565

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า “เซนส์ไทม์ กรุ๊ป” (SenseTime Group) บริษัทเอไอรายใหญ่ของจีน ประกาศเลื่อนแผนการเสนอขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดขายไอพีโอในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

การเลื่อนแผนไอพีโอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำเซนส์ไทม์ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นหนึ่งใน “บริษัทอุตสาหกรรมทางการทหารของจีน” จากการเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์

โดยการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทอเมริกันไม่สามารถลงทุนในเซนส์ไทม์ได้ ตามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารโดยประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” แห่งสหรัฐ ซึ่งเซนส์ไทม์ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาว่า “ไม่มีมูลความจริง และสะท้อนความเข้าใจผิดขั้นพื้นฐานต่อบริษัท”

แม้แผนเสนอขายหุ้นไอพีโอต้องเลื่อนออกไป แต่เซนส์ไทม์ระบุว่าจะเร่งดำเนินการปรับปรุงหนังสือชี้ชวนและกลับสู่กระบวนการเสนอขายหุ้นไอพีโออีกครั้ง “บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเสนอขายหุ้นในระดับโลก และจะดำเนินการจดทะเบียนให้สำเร็จในเร็ว ๆ นี้”

ทั้งนี้ เซนส์ไทม์ตั้งเป้าระดมทุนสูงถึง 767 ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านการเสนอขายหุ้น 1,500 ล้านหุ้น ซึ่งจะเป็นการเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือนของตลาดหุ้นฮ่องกง

นอกจากนี้ บริษัทในเครือของเซนส์ไทม์ ยังถูกขึ้นบัญชีนิติบุคคลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ที่ห้ามไม่ให้ดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทอเมริกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ปี 2019 แต่ยังคงสามารถลงทุนใน
เซนส์ไทม์ กรุ๊ปได้ อย่างเช่น “ซิลเวอร์เลค” บริษัทไพรเวตอีควิตี้รายใหญ่ของสหรัฐที่ถือหุ้นในเซนส์ไทม์อยู่ราว 3%

การขึ้นบัญชีดำเซนส์ไทม์ จะส่งผลให้บริษัทอเมริกันต้องขายหุ้นที่ถือครองอยู่ออกมาภายใน 1 ปี ซึ่งนอกจากซิลเวอร์เลคแล้ว บริษัทด้านการลงทุน “ฟิเดลลิตี้” และบริษัทเทคโนโลยี “ควอลคอมม์” ของสหรัฐก็มีหุ้นอยู่ในเซนส์ไทม์เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า การแซงก์ชั่นเซนส์ไทม์ของประธานาธิบดีไบเดน เป็นการดำเนินนโยบายตามรอย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า แม้ว่าไบเดนจะประนีประนอมมากกว่า แต่ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นที่ไบเดนและพรรคเดโมแครตต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าวเพื่อรักษาฐานเสียง

“หวง เหรินเหว่ย” ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยฟูตันในเซี่ยงไฮ้ ชี้ว่า การเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2565 พรรคเดโมแครตของไบเดนอาจต้องแสดงออกอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นเพื่อรักษาเสียงสนับสนุน ซึ่งเป็นผลมาจากความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น


การขึ้นบัญชีดำเซนส์ไทม์จึงเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไบเดนในการกดดันจีน ไม่ว่าจะเป็นกรณีความตึงเครียดในไต้หวัน การประชุมชาติประชาธิปไตยที่ไร้เงาจีน และการคว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง 2022 ล้วนเป็นสัญญาณของความขัดแย้ง 2 ชาติที่มีแววจะร้อนระอุยิ่งขึ้นในปีหน้า