ศาลสูงของสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 9 ประกาศให้คำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของพลเมืองจากชาติมุสลิม 6 ชาติ มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ทั้งนี้คำสั่งห้ามการเดินทางของทรัมป์ครอบคลุมการห้ามเดินทางเข้าสหรัฐของพลเมืองจากประเทศอิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน และชาด รวมถึงเกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา ทั้งยังห้ามการเดินทางของผู้ลี้ภัยทั้งหมดเข้าสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน เว้นแต่ผู้ที่พิสูจน์ได้ว่ามีสายสัมพันธ์กับคนในสหรัฐ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารห้ามชาติมุสลิม 7 ชาติเดินทางเข้าสหรัฐฉบับแรกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว จนทำให้เกิดการประท้วงและมีการยื่นคัดค้านตามขั้นตอนของกฎหมายมากมายตามมา กระทั่งคำสั่งดังกล่าวไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ ก่อนที่ทรัมป์จะทำการปรับปรุงคำสั่งใหม่และลงนามคำสั่งฉบับที่ 2 ในเดือนมีนาคม ซึ่งผู้พิพากษาศาลสูงของสหรัฐได้มีมติเมื่อเดือนมิถุนายน อนุมัติให้คำสั่งส่วนใหญ่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ ขณะที่ล่าสุดทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารฉบับที่ 3 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาโดยมีการเพิ่มการห้ามพลเมืองจากประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมคือเกาหลีเหนือและเวเนซุเอลาเข้าไป
ด้านนักเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยต่างแสดงความเสียใจต่อข้อมติของศาลสูงดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นข่าวที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก พร้อมทั้งชี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องจดจำว่าศาลสูงไม่ได้ระบุถึงความชอบธรรมของกฎหมาย รวมถึงผลกระทบซึ่งมีต่อมนุษย์อันเนื่องมาจากคำสั่งฉบับนี้ ทั้งยังประกาศที่จะเดินหน้าสู้ต่อไป
ที่มา มติชนออนไลน์