โปรเจ็กต์ “เดียม” คริปโท ที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หมายมั่นปั้นมือ เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีเสถียรภาพ อาจไม่ได้ไปต่อ จ่อถูกขายให้นักพัฒนารายใหม่
วันที่ 26 มกราคม 2565 บลูมเบิร์กรายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อบริษัท Meta หรือเฟซบุ๊ก กำลังอยู่ในระหว่างพูดคุยลับ ๆ เพื่อตัดสินใจขายสินทรัพย์เพื่อคืนทุนแก่สมาชิกลงทุน หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด แสดงท่าทีไม่สบายใจต่อโครงการเหรียญคริปโต Diem ของซักเคอร์เบิร์กที่เขาหมายมั่นปั้นมือให้เป็นหนึ่งในสกุลดิจิทัลที่มีเสถียรภาพของโลก
“เฟดรู้สึกไม่สบายใจต่อโครงการดังกล่าว ทั้งยังไม่สามารถรับรองกับภาคธนาคารได้ว่าจะมีการอนุญาตให้มีเหรียญ Diem เกิดขึ้น” ตอนหนึ่งในคำแถลงของธนาคารกลางระบุ
ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ประกาศเปิดตัวเงินสกุลดิจิทัลประเภท Stablecoins ซึ่งตั้งใจผูกกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และหวังปั้นเป็นสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีหลักของโลก ภายใต้ชื่อว่า ลิบรา (Libra) ทว่า นับตั้งแต่เปิดตัวพร้อมระดมพันธมิตรนักลงทุน โครงการลิบราเผชิญอุปสรรคในการขออนุญาตมากมาย โดยเฉพาะการสอบสวน ตรวจสอบ ชี้แจงต่อหน่วยงานสหรัฐ ประกอบกับมีพันธมิตรในช่วงแรกทยอยถอนตัว จนต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เดียม” หรือ Diem Association ภายใต้ความร่วมมือกับ Silvergate Bank สถาบันการเงินรายใหญ่ที่ร่วมแลกเปลี่ยนเงินคริปโท
บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในเดียมว่า กลุ่มพันธมิตรเดียมกำลังพิจารณาขายสินทรัพย์ทางปัญญาที่พัฒนาขึ้นเพื่อนำเงินกลับมาคืนนักลงทุน รวมถึงหานักพัฒนารายใหม่เพื่อต่อยอดโครงการดังกล่าว
นอกจากการทยอยถอนตัวของพันธมิตรแล้ว นายเดวิด มาร์คัส ผู้ดูแลโปรเจ็กต์เดียม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ไปช่วงปลายปีที่แล้ว เช่นเดียวกับพาร์ตเนอร์รายอื่นที่ทยอยถอนตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Diem Association ออกมาชี้แจงถึงรายงานข่าวของบลูมเบิร์กว่า มีความผิดพลาดบางประการ แต่ไม่ได้อธิบายชัดเจนว่ารายงานบลูมเบิร์กผิดพลาดในส่วนใด
ขณะที่ฝั่งบริษัท Meta ยังสงวนท่าทีออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ โดย Meta ถือสัดส่วนการลงทุนในโปรเจ็กต์เดียมราว 1 ใน 3 เท่านั้น โดยนอกจากเฟซบุ๊กแล้ว มีอีกหลายบริษัทที่ร่วมลงทุนในเดียม อาทิ Union Square Ventures, Ribbit Capital, Andreessen Horowitz และ Temasek Holdings รัฐวิสาหกิจด้านการลงทุนของสิงคโปร์