ไบเดนโว เศรษฐกิจสหรัฐ กลับมาแกร่งสุดรอบ40ปี จ้างงานพุ่ง สยบโอมิครอน

President Joe Biden speaks about the January jobs report at the White House in Washington, Friday, Feb. 4, 2022. (AP Photo/Carolyn Kaster)

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงข่าวถึงประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ ว่าแข็งแกร่งขึ้นจนฝ่าคลื่นการระบาดของโควิด สายพันธุ์โอมิครอนมาได้แล้ว สัญญาณหนึ่งมาจากการเพิ่มงานใหม่ 467,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม

รายงานตัวเลขดังกล่าวเป็นการจ้างงานเพิ่มต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้นสองเดือนก่อนหน้านั้น ตอกย้ำว่าปัจจัยโรคระบาดที่เคยขัดขวางเศรษฐกิจค่อยๆ หมดฤทธิ์เดชลงแล้ว

President Joe Biden speaks about the January jobs report at the White House in Washington, Friday, Feb. 4, 2022. (AP Photo/Carolyn Kaster)

แม้ว่าสหรัฐจะยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่ถือว่า สหรัฐอเมริกาเข้าสู่เฟสใหม่ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโรคระบาด ซึ่งมีความหมายสำหรับประธานาธิบดี ในสัปดาห์ที่มีผลงานกลับสู่สายตาประชาชน

“ประเทศของเรารับมือทุกสิ่งที่โควิดมีต่อเรา และตอนนี้เรากลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม” ไบเดนประกาศผลงานที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ. ตามเวลาสหรัฐ

ไบเดนพยายามย้ำถึงตัวเลขด้านบวกในการบริหารงานในปีแรกของตนเอง ไม่ว่า อัตราคนว่างงานที่เหลือเพียง 4% การจ้างงานเพิ่มขึ้น 6.6 ล้านตำแหน่ง การจัดทำงบประมาณเยียวยา 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดแล้ว และจะทำให้สมาชิกสภาที่เหลือต้องสนับสนุนแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกยาวๆ

 

“ประวัติศาสตร์สร้างขึ้นแล้วที่นี่ มาพร้อมกับตัวเลขคนว่างงานที่ลดลงมากที่สุดภายในปีเดียว รวมถึงความยากจนของคนวัยเด็กที่ลดลงมากที่สุดในปีเดียว และเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบเกือบ 40 ปี” ไบเดนกล่าว 

เจสัน เฟอร์แมน นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และอดีตที่ปรึกษารัฐบาลยุคบารัก โอบามา กล่าวว่า รายงานการจ้างงานแสดงให้เห็นว่า ทั้งนายจ้าง และแรงงาน ผ่านพ้นความเสียหายที่เคยเกิดจากโรคระบาดมาแล้ว

“ไวรัสตอนนี้เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งในหลายๆ ปัจจัย ไม่ใช่ตัวชี้ชะตาอีกต่อไป” นายเฟอร์แมนกล่าว พร้อมชี้ว่าตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง ในภาคการบริการและพักผ่อนหย่อนใจ ร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิง ที่เคยเสียหายมากกว่าใครในช่วงโรคระบาด

President Joe Biden speaks before signing an executive order on project labor agreements at the Ironworkers Local 5 in Upper Marlboro, Md., Friday, Feb. 4, 2022. (AP Photo/Carolyn Kaster)

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ. สภาผู้แทนฯ ลงมติเห็นชอบกฎหมายการผลิตและพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์ เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงการประนีประนอมกับวุฒิสภา หลังจากสองสภามีความเห็นแย้งกันมาก่อนในมาตรการที่วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ

นอกจากนี้รัฐบาลยังมีผลงานนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจ กรณีกองกำลังพิเศษของกองทัพสหรัฐบุกสังหาร นายอาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชิมี อัล-คูไรชี 

อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ยังคงมีคำถามถึงตัวนายไบเดน และการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ว่าจะยังผนึกแน่นเป็นมุมบวกที่จะสร้างความเชื่อมั่น และปลุกการสนับสนุนในตัวเขากลับมาได้หรือไม่ หลังจากโพลสำรวจความนิยมดิ่งลงในปีก่อน

(AP Photo/Marta Lavandier, File)

ใครหรืออะไรที่ควรได้เครดิต?

ช่วงที่โอมิครอนระบาดหนัก ทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนไม่ได้ทำงาน จนเป็นที่คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานจะดิ่งลงในเดือนมกราคม แต่เมื่อตัวเลขแสดงว่าไวรัสมีผลกระทบเพียงเล็กร้อย เหล่าสมาชิกพรรครีพับลิกัน จึงรีบเสนอภาพอีกมุมว่า ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากเดิมที่มีตัวเลขคนว่างงานสูงจากการบริหารงานของไบเดนและพรรตเดโมแครต

นอกจากนี้ยังโจมตีว่า สิ่งที่ไบเดนแถลงมานั้นยังไม่ใช่ข่าวดีทั้งหมด เพราะภาวะเงินเฟ้อยังเป็นปัญหาใหญ่ หลังราคาสินค้าผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาถึง 7% 

แม้รายงานการจ้างงานแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็อาจจะเป็นเหตุผลให้ธนาคารกลาง หรือ เฟด ขึ้นอัตราดอกเบี้ย และถอยการสนับสนุนเศรษฐกิจเพื่อจะลดเงินเฟ้อ เมื่อค่าจ้างเฉลี่ยเดือนมกราคมปีนี้สูงขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ย่อมหมายถึงคนงานมีรานได้เพิ่มขึ้น และเป็นไปได้ที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

โจ บรูซูลาส หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์ประจำบริษัทที่ปรึกษา RSM กล่าวว่า ตลาดแรงงานจะทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้สูงมาก และเป็นไปได้ที่คนงานจะหลุดพ้นจากโรคระบาดแล้วเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าที่เป็นมา ซึ่งนั่นจะทำให้การขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปได้ง่ายขึ้น

“เมื่อบริษัทห้างร้านมีกำไรมากขึ้นในช่วงที่ค่าจ้างแรงงานก็เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงภาคการค้าและเศรษฐกิจอยู่ในช่วงบูมการผลิต และนั่นหมายความว่า เศรษฐกิจจะรองรับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ดีกว่าที่รับทราบกันอยู่ในขณะนี้” บรูซูลาส กล่าว

…..

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :