8 ปี ปริศนา MH370 สูญหายลึกลับกับ 8 เรื่องควรรู้

8 ปี ปริศนา MH370 สูญหายลึกลับ กับ 8 เรื่องควรรู้8 ปี ปริศนา MH370 สูญหายลึกลับ กับ 8 เรื่องควรรู้
ภาพจาก ข่าวสด

8 มี.ค. ไขปริศนาครบรอบ 8 ปี เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 สูญหายลึกลับกับ 8 เรื่องควรรู้

วันที่ 8 มีนาคม 2565 สเตรทไทม์ รายงานว่า วันนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เครื่องบินโดยสาร ซึ่งกำลังเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน ได้หายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 239 คนบนเครื่อง โดยยังไม่มีใครพบเห็นมาจนถึงทุกวันนี้

การหายไปของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สเมื่อปี 2557 ได้กลายเป็นหนึ่งในความลึกลับที่ยังไม่ถูกคลี่คลายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ นักข่าว และคนอื่น ๆ พยายามอย่างหนักเพื่อหาคำตอบว่าโบอิ้ง 777 หายไปได้อย่างไรและเพราะเหตุใด แต่จวบจนถึงทุกวันนี้พวกเขาก็ยังไม่เข้าใกล้กับความจริง อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เรียกร้องให้เรื่องนี้ถูกค้นความจริงใหม่อีกครั้ง

“ริชาร์ด ก็อดฟรีย์” กล่าวเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า เขาได้คำนวณพิกัดสถานที่สุดท้ายของ MH370 ซึ่งเขาเชื่อว่าเครื่องบินลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุทางตะวันตกของเมืองเพิร์ท ห่างไปราว 2,000 กิโลเมตรจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ในมหาสมุทรอินเดีย

ก็อดฟรีย์ สมาชิกของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยของ MH370 ซึ่งตรวจสอบการหายไปของเที่ยวบินดังกล่าว เล่าว่า เขาใช้ข้อมูลจาก Weak Signal Propagation Reporter (WSPR) ในการระบุตำแหน่ง มันมีหน้าตาเป็นตารางสัญญาณวิทยุที่ครอบคลุมทั่วโลกและบันทึกสิ่งที่รบกวนหรือเคลื่อนที่ผ่านคลื่นสัญญาณ เขากล่าวว่า MH370 ได้ผ่านสัญญาณวิทยุหลายจุดก่อนที่มันจะหายไป

เมื่อรวบรวมรายละเอียด WSPR เข้ากับข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลดาวเทียม และข้อมูลของซากปรักหักพัง ก็อดฟรีย์เชื่อว่าเขาน่าจะระบุตำแหน่งที่เป็นไปได้

เขายังเล่าถึงสิ่งที่ค้นพบในงานรำลึก MH370 ว่า “สถานที่ดังกล่าวอยู่ประมาณ 33 องศาทางใต้ และ 95 องศาทางตะวันออกในมหาสมุทรอินเดีย”

“เราเคยสำรวจบริเวณนั้นมาก่อนแล้ว มันเป็นภูมิประเทศที่ยากมาก ขรุขระมาก มีหุบเขาลึก ภูเขาไฟ สันเขา และหน้าผา ดังนั้น อาจคลาดเคลื่อนได้” เขากล่าวเพิ่มเติม

ในคำแถลงเมื่อเดือนที่แล้ว สำนักความปลอดภัยด้านการขนส่งของออสเตรเลีย (ATSB) ยอมรับว่า ก็อดฟรีย์เป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ พร้อมระบุว่าได้ค้นหา “ส่วนสำคัญ” ของพื้นที่ที่เขาบอก แต่ไม่พบซากปรักหักพัง และยังขอให้กลุ่มนักธรณีศาสตร์ของออสเตรเลียตรวจสอบข้อมูลการค้นหา และยืนยันว่าไม่พบอะไรที่น่าสนใจบนพื้นที่นั้น

ด้านรัฐบาลมาเลเซียกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า หากการค้นพบครั้งใหม่นี้พิสูจน์ได้ว่ามีความน่าเชื่อถือ พวกเขาจะพิจารณาหารือกับจีนและออสเตรเลียเพื่อชุบชีวิตภารกิจค้นหาใหม่อีกครั้ง

ในระหว่างงานรำลึก รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม “วี กา ซิออง” กล่าวในวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้าว่า “โปรดให้ฉันย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลมาเลเซียยังไม่ละทิ้งและหวังที่จะค้นหา MH370 เราแค่ต้องการหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพื่อนำไปดำเนินการก่อนที่เราจะขึ้นบินได้ และการสำรวจต้องมั่นใจว่าจะให้ผลลัพธ์”

“โอลิเวอร์ พลันเคตต์” หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท Ocean Infinity บริษัทสำรวจก้นทะเล ซึ่งเคยค้นหาเครื่องบินลำนี้กล่าวในงานว่า มันคุ้มค่าในการเริ่มค้นหาอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับข้อมูลการค้นพบใหม่

Ocean Infinity เสนอให้ดำเนินการค้นหาต่อในปีหน้า หรือในปี 2567 โดยกำลังสร้างเรือควบคุมจากระยะไกลสำหรับสำรวจมหาสมุทร พลันเค็ตต์อธิบายว่า เรือเหล่านี้เป็น “เรือที่ทันสมัยและล้ำสมัยที่สุดในโลก”

“ปีเตอร์ โฟลีย์” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของ ATSB สำหรับการค้นหาที่นำโดยออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2560 กล่าวว่า การค้นหาสิ้นสุดลงก่อนกำหนด และการค้นพบ MH370 มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ในอนาคต

ตามข้อเสนอของ Ocean Infinity ระบุว่า ไม่มีความเสี่ยงสำหรับรัฐบาลมาเลเซียหากพวกเขายอมตกลง เราไม่สามารถล้มเหลวได้อีกครั้ง คราวนี้เราต้องหา MH370 ให้พบ

8 เรื่องควรรู้

1.เที่ยวบิน MH370 มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง ออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเวลา 00.42 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 8 มีนาคม 2557

2.การพบเห็นครั้งสุดท้ายบนเรดาร์ทหารคือเวลา 02.22 น. ตามเวลาท้องถิ่น

3.ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือจากห้องนักบินหรือจากผู้โดยสารทางโทรศัพท์มือถือ

4.การค้นหา MH370 เป็นหนึ่งในการค้นหาบนพื้นผิวและใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน การค้นหาใต้น้ำที่นำโดยออสเตรเลียครอบคลุมพื้นที่ 120,000 ตารางกิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (4,800,000,000 บาท) ก่อนที่ภารกิจนี้จะถูกระงับในเวลาเกือบ 3ปีต่อมา

5.จากข้อมูลจากบริษัทดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ของอังกฤษ Inmarsat และสาขาสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของสหราชอาณาจักร สันนิษฐานว่าเครื่องบินลำดังกล่าวตกที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้

6.การค้นหากลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนมกราคม 2018 โดย Ocean Infinity ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย แต่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน และไม่ประสบผลสำเร็จ

7.ไม่พบกล่องดำของเครื่องบิน รวมถึงเครื่องบันทึกเสียงห้องนักบินและเครื่องบันทึกข้อมูลการบินที่มีข้อมูลที่สำคัญสำหรับการสืบสวน

8.บทสรุปของรายงานระบุว่า “ทีมงานไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของการหายสาบสูญของ MH370 ได้”