สตรีหมายเลข 1 ยูเครน ออกโรงปกป้องประเทศผ่านโซเชียลมีเดีย

ภาพจากอินสตาแกรม olenazelenska_official

เปิดเรื่องราวและข้อเรียกร้องผ่านโซเชียลของ “โอเลนา เซเลนสกา” สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของยูเครน คู่ชีวิต “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน 

วันที่ 10 มีนาคม 2565 ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “โอเลนา เซเลนสกา” สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของยูเครน โพสต์จดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึงสื่อทั่วโลกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยให้รายละเอียดถึงสิ่งที่เธอเรียกว่า “การสังหารหมู่พลเรือนชาวยูเครน”

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เซเลนสกาใช้โซเชียลมีเดียหลายต่อหลายครั้งเพื่อฉายภาพให้เห็นชะตากรรมของประเทศเธอ แต่ไม่มีโพสต์ไหนที่ตรงเท่าโพสต์ล่าสุดของเธอ ซึ่งจบลงด้วยการกล่าวว่า “เราจะชนะ เพราะความสามัคคีของเรา สามัคคีนำไปสู่ความรักต่อยูเครน ยูเครนจงเจริญ!”

ขณะที่สามีของเธอ “โวโลดีมีร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เซเลนสกาได้กลายเป็นผู้เคลื่อนไหวผ่านโลกออนไลน์ เพื่อสนับสนุนสามีของเธอ และทำให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงชะตากรรมของประเทศ

เมื่อรัสเซียบุกยูเครนครั้งแรกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เซเลนสกีประกาศในแถลงการณ์ทางวิดีโอว่า เขาเชื่อว่า กลุ่มศัตรูผู้ก่อวินาศกรรมได้เข้าสู่กรุงเคียฟ และเขาตกเป้าหมายอันดับ 1 ส่วนครอบครัวของเขาเป็นเป้าหมายอันดับ 2

ที่อยู่ของภรรยาและลูกอีกสองคนของเขาถูกเก็บเป็นความลับ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เซเลนสกามีบทบาทสำคัญในโซเชียลมีเดีย เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน และสนับสนุนการต่อต้านกองกำลังรัสเซีย โดยได้รับการสนับสนุนจากคนทั่วทุกมุมโลก เฉพาะในอินสตาแกรม มีผู้ติดตามเธอ 2.4 ล้านคน

หญิงวัย 44 ปีผู้นี้ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงเว็บไซต์ทางการของประธานาธิบดียูเครน โดยอ้างว่ามีสำนักข่าวจากทั่วโลกติดต่อขอสัมภาษณ์เธออย่างล้นหลาม

เธอเริ่มภารกิจอย่างกระตือรือร้นด้วยคำขึ้นต้นว่า “ฉันขอให้การเป็นพยาน” ซึ่งเป็นการอ้างถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

“รถถังได้ข้ามมายังพรมแดนยูเครน เครื่องบินได้เข้าสู่น่านฟ้าของเรา เครื่องยิงขีปนาวุธล้อมรอบเมืองของเร” เธอโพสต์

“แม้จะมีการรับรองจากสำนักข่าวของทางการรัสเซีย ที่เรียกสิ่งนี้ว่าปฏิบัติการพิเศษ แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นการสังหารหมู่พลเรือนชาวยูเครน”

เซเลนสกาเน้นย้ำถึงการบาดเจ็บล้มตายของเด็ก ๆ พร้อมกับอธิบายถึงความน่ากลัวของเด็กที่ต้องเกิดในที่พักพิงที่ถูกระเบิด และถนนที่เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัย

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Women’s Congress ซึ่งเป็นเวทีสาธารณะเพื่อรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศในรัฐบาลและสังคมยูเครนในวงกว้าง ระบุว่า เซเลนสกาเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2521 และพบกับสามีของเธอที่โรงเรียนมัธยมในเมืองคริฟยี รีห์ ทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นเมืองที่เธอเติบโต

ชีวประวัติของเธอบนเว็บไซต์ดังกล่าวระบุด้วยว่า เธอเรียนเอกสถาปัตยกรรมที่สถาบันด้านเศรษฐกิจคริฟยี รีห์ ก่อนจะจบการศึกษาในปี 2543

ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2546 และมีลูกสาวชื่อ “โอเล็กซานดรา” ในอีกหนึ่งปีต่อมา ตามด้วยลูกชายชื่อ “คีรีโล” เกิดเมื่อปี 2556

เช่นเดียวกับสามีที่เรียนจบด้านกฎหมาย เซเลนสกาได้เปลี่ยนเส้นทางจากสายงานกฎหมายไปสู่สิ่งที่เธอสนใจ และเข้าสู่ธุรกิจการแสดง

เธอช่วยเซเลนสกีทำการแสดงเดี่ยวผ่านทางรายการโทรทัศน์ ก่อนที่จะผันตัวไปเป็นนักเขียนบทในบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วย

เธอให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโว้ก ยูเครน เมื่อปี 2562 ไม่นานหลังจากสามีของเธอชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างถล่มทลาย ตอนนั้นเซเลนสกาพูดถึงตัวเองว่า “ไม่ใช่บุคคลสาธารณะ” และชอบการอยู่เบื้องหลังมากกว่า

เมื่อสามีอดีตนักแสดงตลกแสดงความทะเยอทะยานทางการเมือง ภรรยาของเขากลับไม่รู้สึกประทับใจเลย ตามบทสัมภาษณ์ในนิตยสารโว้ก ซึ่งเธอกล่าวว่า

“ฉันไม่มีความสุขนักเมื่อรู้ว่านั่นคือผน ฉันรู้ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป และเราจะต้องเผชิญความยากลำบากอะไรบ้าง”

เธอพูดถึงการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสาธารณะ แต่แสดงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องลูก ๆ โดยกล่าวว่า “ให้พวกเขาได้เลือกวิธีการใช้ชีวิตของตัวเอง”

ในช่วง 3 ปีนับตั้งแต่ได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอได้เดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกับสามี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส พร้อมกับดูแลงานด้านสุขภาพเด็ก ความเท่าเทียม และการทูตวัฒนธรรม

หนึ่งในโครงการที่เธอทำคือการพัฒนามื้ออาหารสำหรับเด็กในโรงเรียน เป็นคณะผู้แทนค้นหาข้อเท็จจริงในลัตเวีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ

ตอนนี้เธอกำลังจดจ่อกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของชาวยูเครน เมื่อต้นเดือนมีนาคมเธอได้สร้างช่องทางเทเลแกรมเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติและการใช้ชีวิตในยามสงคราม

ไม่กี่ชั่วโมงหลังเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เซเลนสกา ซึ่งเคยป่วยโควิดเมื่อปี 2563 ได้อัพเดตฟีดในอินสตาแกรมเป็นภาพผู้ป่วยมะเร็งอายุน้อย ที่กำลังเดินทางไปรักษาตัวในโปแลนด์

เธอเขียนว่า “คนเหล่านี้เป็นผู้ป่วยมะเร็งอายุน้อยจากยูเครน เมื่อวานนี้พวกเขาซ่อนตัวจากกระสุน โดยหลบอยู่ในห้องใต้ดินของคลินิก ตอนนี้พวกเขากำลังข้ามไปยังพรมแดนโปแลนด์เพื่อหาวิธีที่ปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อไปรักษาตัวต่อไป ไม่มีผุ้รุกรานในโลกนี้ที่สามารถทำให้พวกเขาชนะการต่อสู้กับโรคนี้ได้”

ในจดหมายเปิดผนึก เธอยังได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องของสามีที่ต้องการให้มีการกำหนดเขตห้ามบิน โดยระบุว่า “ยูเครนกำลังหยุดกองกำลังที่อาจรุกเข้ามาในเมืองของคุณในวันพรุ่งนี้ ภายใต้บริบทของการช่วยชีวิตพลเรือน”

“หากเราไม่หยุดปูติน ที่ขู่จะก่อสงครามนิวเคลียร์ จะไม่มีสถานที่ปลอดภัยบนโลกสำหรับพวกเราทุกคน”