ความเสียหายจาก พายุเมกี แรงขึ้นเรื่อยๆ ยอดผู้เสียชีวิตชาวฟิลิปปินส์พุ่งอีก เป็นอย่างน้อย 167 ราย สูญหายร่วมร้อยชีวิต หมู่บ้านถูกทั้งดินโคลนถล่มและกระแสน้ำซัดกวาดลงทะเล
วันที่ 16 เมษายน 2565 บีบีซี รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อน เมกี หรือชื่อท้องถิ่นว่า อะกาตัน (Agaton) เพิ่มเป็นอย่างน้อย 167 รายแล้ว และอีกราว 110 คนยังสูญหาย จากสถานการณ์ที่ฝนตกหนักและแผ่นดินถล่มกวาดหายไปทั้งหมู่บ้านในพื้นที่ภาคกลางฟิลิปปินส์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
พื้นที่เสียหายหนักอยู่ที่เมืองเบย์เบย์ จังหวัดเลย์เต ภาคกลางของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เชิงเขา หมู่บ้านรอบเมืองเบย์เบย์ถูกดินถล่มและกระแสน้ำกวาดซัดบ้านเรือน มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อ ปิลาร์ บ้านเรือนกว่า 80% ถูกน้ำซัดลงทะเล
เบื้องต้นทางการได้รับรายงานพื้นที่น้ำท่วมเกือบ 200 แห่งในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีรายงานผู้เสียชีวิตในภูมิภาคดาเวา มินดาเนา ทางภาคใต้ และจังหวัดเนกรอส โอเรียนทัลส์ ในภาคกลาง
เจ้าหน้าที่ยามชายฝั่ง ตำรวจ และหน่วยกู้ภัย ต่างออกช่วยชีวิตชาวบ้านที่ติดค้างอยู่ตามหลังคาบ้าน ขณะที่โรงเรียนและสถานประกอบการในเมืองเซบูปิดทำการตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 11 เม.ย.
พายุเมกี เป็นพายุฤดูร้อนลูกแรกในปีนี้ของฟิลิปปินส์ ทิ้งช่วงห่างจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นราอี เมื่อ 4 เดือนก่อน ครั้งนั้น พื้นที่ที่เสียหายที่สุดอยู่ที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 375 ราย และกระทบประชาชนกว่า 500,000 คน
ชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อ แอปเปิล ชีนา เบย์โน อพยพออกจากบ้านในเมืองเบย์เบย์ กล่าวว่า ครอบครัวเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของซูเปอร์ไต้ฝุ่นเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และยังอยู่ระหว่างซ่อมบ้านอยู่เลย มาตอนนี้พายุเข้าอีกแล้ว น่าวิตกอย่างยิ่ง
ฟิลิปปินส์มักเผชิญพายุและไต้ฝุ่นอย่างน้อย 20 ลูกต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูฝนที่เริ่มต้นช่วงเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้พายุมาเร็วขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่มองว่าอาจเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้อากาศแปรปรวนและรุนแรงมากขึ้น
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นราอี เป็นลูกที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ก่อตัวเร็วและรุนแรงกว่าปกติ
มาริสสา มิเกล คาโน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลสาธารณะ ในเมืองเบย์เบย์ กล่าวกับนักข่าวเอเอฟพี ว่า ช่วงเวลานี้ปกติเป็นช่วงปลอดฝน แต่ภาวะโลกร้อนอาจทำให้อากาศแปรปรวน
ตามที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศทำให้พายุฤดูร้อนหนาแน่นขึ้นและทรงพลังขึ้น ฟิลิปปินส์เองเผชิญพายุที่คร่าชีวิตสูงขึ้นมากนับจากปี 2549