เป็นคำตัดสินที่ “อูเบอร์” บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นร่วมเดินทาง ออกมาบอกว่า “น่าผิดหวังเป็นที่สุด” หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (ECJ) ได้ตัดสินให้อูเบอร์ ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็น “ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะ” เนื่องจากแอปพลิเคชั่นดังกล่าวมีการเชื่อมโยงผู้โดยสารกับคนขับที่ไม่ใช่มืออาชีพ
ศาลยุติธรรมแห่งอียูระบุว่า ประเด็นสำคัญคือ อูเบอร์ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็นซัพพลายเชนของระบบขนส่งมวลชน ส่วนการเชื่อมโยงผู้โดยสารผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นเรื่องสำคัญรองลงมา ดังนั้น อูเบอร์ในอียูจึงต้องถูกจัดเข้าเป็นบริษัทให้บริการขนส่งมวลชน คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นเด็ดขาด อูเบอร์ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ ยังผลให้หลายประเทศในอียูสามารถจัดระเบียบอูเบอร์ด้วยกฎหมายคมนาคมประเทศตน ตามคำตัดสินของศาลอียูได้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
ทั้งนี้ บริการของอูเบอร์ในยุโรป แบ่งเป็น “อูเบอร์พ็อป” ซึ่งเป็นบริการที่คนขับไม่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะใช้รถยนต์ส่วนตัวให้บริการ และ “อูเบอร์เอ็กซ์” ซึ่งผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ
คำตัดสินล่าสุดของศาลอียู ทำให้อูเบอร์ต้องทบทวนการ “ปิดบริการอูเบอร์พ็อป” ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของหลาย ๆ ประเทศ โดยรัฐบาลในหลายประเทศยุโรปเห็นพ้องกันว่า อูเบอร์ คือ “แท็กซี่”
คำตัดสินดังกล่าวจึงถือป็นความชัดเจน และต่อจากนี้ อูเบอร์อาจจะเผชิญหน้าความยากลำบากในการทำธุรกิจในยุโรป เพราะมีถึง 28 ชาติ ที่เล็งเข้าจัดระเบียบอูเบอร์ จนถึงสั่งปิดบางบริการ ทั้งบังคับให้คนขับต้องมีไลเซนส์เพื่อสามารถขับขี่รถโดยสารสาธารณะได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานบทวิเคราะห์ว่า บรรดาร้านค้าออนไลน์ หากต้องการนิยามตนเองว่า เป็นร้านค้าก็ต้องมีเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นเป็นหน้าร้าน ซื้อขายและจัดส่ง ส่วนอูเบอร์ก็มีการจัดหาคนขับให้กับผู้โดยสารจึงเห็นว่าสามารถจัดอูเบอร์เป็นบริการแท็กซี่ได้ แม้ว่าอูเบอร์จะไม่ได้จ้างคนขับเป็นพนักงานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม “Jakob Kucharczyk”จากสมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และคอมมิวนิเคชั่น ซึ่งเป็นปากเสียงให้กับบริษัทไอทีต่าง ๆ ออกมาแย้งว่า
“การตัดสินของศาลจะทำให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกควบคุมมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความพยายามของอียู ในการสร้างตลาดดิจิทัลให้เป็นตลาดเดียว”
ในระยะหลัง สหภาพยุโรปได้กระชับกฎหมายควบคุมบรรดาธุรกิจไอทีมากขึ้น อย่างธุรกิจแพลตฟอร์มให้เช่าห้อง “แอร์บีเอ็นบี” ก็เผชิญหน้ากับการกดดันจากอียู เพื่อให้แต่ละชาติสามารถเข้าจัดการและควบคุมในฐานะบริการห้องเช่า นอกจากนี้ยังเล็งจัดระเบียบกูเกิล แอปเปิล และอะเมซอนในการจ่ายภาษีด้วย
นักวิเคราะห์หลายเสียงให้ความเห็นว่า การควบคุมบริษัทไอทีต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เกิดความยุติธรรมในตลาด แต่หากมากเกินไป จะกลายเป็นการขัดขวางการพัฒนาของนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เช่นกัน