สาบานตนก่อนประธานาธิบดี ซารา ดูแตร์เต ลูกสาวสายบู๊ของประธานาธิบดีดูแตร์เต ทำพิธีรับตำแหน่งผู้นำเบอร์สองของฟิลิปปินส์ เผยประวัติเคยชกผู้ชายตาปูด แถมโกนหัวเชียร์คุณพ่อลงเลือกตั้ง
วันที่ 20 มิถุนายน 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ซารา ดูแตร์เต นักการเมืองหญิง วัย 44 ปี ลูกสาวประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เจ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี แล้ว หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งตำแหน่งนี้อย่างถล่มทลาย หรือ แลนด์สไลด์ แม้ว่าพ่อมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลกจากการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย
พิธีสาบานตนจัดที่เมืองดาเวา ทางภาคใต้ บ้านเกิดของนักการเมืองหญิง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. โดยมีหน่วยคุ้มกันประธานาธิบดีดูแตร์เต วัย 77 ปีที่มาร่วมพิธีสาบานตนของลูกสาว อย่างหนาแน่นรอบจัตุรัสของเมืองดาเวา
ซารา ดูแตร์เต คุณแม่ลูกสาม กำลังจะหมดวาระนายกเทศมนตรี และจะเริ่มงานใหม่ในฐานะรองประธานาธิบดี ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ วันที่ 30 มิ.ย. พร้อมกับนายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของเผด็จการมาร์กอสผู้ล่วงลับ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนในวันดังกล่าว
“ดิฉันไม่ใช่คนที่ดีที่สุด ฉลาดที่สุดในฟิลิปปินส์ หรือในโลก แต่ไม่มีใครจะเอาชนะความใจสู้ของดิฉันในฐานะชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่ง” นักการเมืองหญิงกล่าวในฐานะรองประธานาธิบดีคนที่ 15 ของประเทศ และว่า “เสียงของชาวฟิลิปปินส์ 32.2 ล้านเสียงดังและชัดเจนในการส่งสารให้ดิฉันรับใช้ประเทศชาติของเรา”
ตระกูลดูแตร์เตเติบโตทางการเมืองในถิ่นดาเวา โดยมีภูมิหลังเป็นชนชั้นกลาง ค่อยๆ สร้างอาณาจักรทางการเมืองในพื้นที่ที่เคยมีปัญหาทั้งกับกลุ่มคอมมิวนิสต์และนักรบมุสลิม รวมถึงการต่อสู้ล้างแค้นระหว่างกลุ่มการเมืองในท้องถิ่น
แม้นายดูแตร์เตจะเกษียณจากการเมืองเมื่อหมดวาระผู้นำ แต่ยังมีลูกๆ ต่อคิวสานต่ออำนาจการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
นายเซบาสเตียน ดูแตร์เต ลูกชายจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีแทนซารา พี่สาวที่ขยับขึ้นไปเป็นรองประธานาธิบดี ส่วนนายเปาโล ดูแตร์เต ลูกชายอีกคนของนายดูแตร์เต ชนะที่นั่งส.ส.ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 9 พ.ค.
การเมืองของฟิลิปปินส์เป็นการสืบทอดของตระกูลต่างๆ อย่างน้อย 250 ตระกูลทั่วประเทศ แม้ว่าการสร้างเครือข่ายเครือญาติจะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยมีการออกกฎหมายลูกที่ห้ามการสืบทอดอำนาจในสายตระกูลได้เลย เนื่องจากสมาชิกสภาเต็มไปด้วยลูกหลานของนักการเมืองเก่า
สำหรับซารา ดูแตร์เต หรือ “อินเดย์” ไม่ขอลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยเลือกลงสมัครเป็นรองผู้นำคู่กับนายบองบอง มาร์กอส และประกาศตัวเป็น “ทีมเดียวกัน” โดยให้คำมั่นจะพลิกฟื้นฟิลิปปินส์ขึ้นมาอีกครั้ง
นอกจากจะเป็นรองประธานาธิบดีแล้ว ซารา ดูแตร์เต ยังตกลงรับตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ แทนที่จะเป็นรมว.กลาโหม ตำแหน่งที่มักวางไว้สำหรับคนที่จะเป็นประธานาธิบดีในครั้งหน้า โดยมีภารกิจเร่งฟื้นฟูการเรียนการสอนที่โรงเรียน หลังจากเด็ก ๆ ได้รับผลกระทบหนักในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ช่วงสองปีมานี้
หญิงสาวจบการศึกษาหลักสูตรการแพทย์ ซึ่งเดิมต้องการเป็นหมอ แต่ต่อมาเปลี่ยนไปเรียนกฎหมาย และเข้าสู่วงการการเมืองตั้งแต่ปี 2007 (พ.ศ.2550) โดยได้รับเลือกตั้งเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา และสามปีต่อมาได้เป็นนายกเทศมนตรี
ปี 2011 (พ.ศ.2554) นักการเมืองหญิงตกเป็นข่าวดังระดับประเทศ เมื่อมีวิดีโอคลิปบันทึกนาทีที่เธอชกและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล คนที่นำทีมตำรวจไปทำลายชุมชนแออัดในเมืองดาเวา หลังจากซารา ดูแตร์เตยื่นคำร้องให้ผ่อนผันออกไปก่อน เจ้าหน้าที่นายดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพตาเขียวช้ำและมีบาดแผลทั่วใบหน้า
เดือนตุลาคมปี 2015 (พ.ศ.2558) ซาราสร้างชื่ออีก เมื่อโกนศีรษะเรียกร้องให้พ่อลงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ซึ่งต่อมานายดูแตร์เตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีวาระ 6 ปี ด้วยเสียงสนับสนุนจำนวนมาก แต่สุดท้ายกลับไม่อาจกวาดล้างยาเสพติดหรือการคอร์รัปชั่นได้ภายใน 3-6 เดือนตามที่ประกาศไว้ แม้ว่าจะใช้มาตรการแข็งกร้าวแล้วก็ตาม
ถึงวันนี้นายดูแตร์เตยังคงได้รับการสนับสนุนจากชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่มองว่าจะช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมบนท้องถนน และยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มคนมั่งคั่งและทรงอิทธิพลในประเทศ ทำให้เทคะแนนสนับสนุนมาที่ลูกสาว
ขณะเดียวกันนายดูแตร์เตมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลมาร์กอส อนุมัติให้ย้ายร่างของนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการไปฝังไว้ยังสุสานวีรชนของชาติ ท่ามกลางเสียงประท้วงจากชาวฟิลิปปินส์จำนวนมาก
การเลือกตั้งของครั้งล่าสุดนี้ ซาราหาเสียงด้วยนโยบายว่าต้องการกำหนดให้คนอายุ 18 ปีต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร นายบองบองระบุว่า ตนเองเปิดกว้างให้นำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ได้กับอาชญากรที่เกินเยียวยาจะกลับไปเป็นพลเมืองดีของสังคมได้