รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาร์เจนตินาลาออก เซ่นวิกฤตเศรษฐกิจ-การเมือง

รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาร์เจนตินาลาออก เซ่นวิกฤตเศรษฐกิจ-การเมือง
REUTERS/Agustin Marcarian/File Photo

การลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความแตกแยกของรัฐบาลผสม เกี่ยวกับวิธีจัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา

วันที่ 3 กรกฎาคม 2565 อัลจาซีราห์รายงานว่า “มาร์ติน กุซมัน” รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้จัดทำข้อตกลงหนี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว

การประกาศลาออกของกุซมันเกิดขึ้นท่ามกลางความแตกแยกของรัฐบาลผสม เกี่ยวกับวิธีจัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงของอาร์เจนตินา

กุซมันอายุ 39 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อช่วงปลายปี 2562 และเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับ “อัลเบอร์โต เฟอร์นันเดซ” ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลการลาออก

แต่จดหมายความยาว 7 หน้า ที่โพสต์ทางทวิตเตอร์ เขาชี้ว่าการต่อสู้ภายในอย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลในการลาออกของเขา เขายังได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีเฟอร์นันเดซแก้ปัญหาความแตกแยก เพื่อให้รัฐมนตรีคนต่อไปไม่ต้องรับเคราะห์ ซึ่งเป็นความยุ่งยากเดียวกับที่เขาเจอ

กุซมัน ซึ่งเคยปะทะกับรองประธานาธิบดี “คริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์” อดีตประธานาธิบดี 2 สมัยที่ทรงอำนาจ กล่าวว่า เขายังคงเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของตัวเองเกี่ยวกับเส้นทางที่อาร์เจนตินาควรปฏิบัติตาม

อดีตรัฐมนตรีผู้นี้เป็นผู้ผลักดันการอนุมัติข้อตกลงใหม่มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับไอเอ็มเอฟ เมื่อช่วงต้นปี หลังจากการเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2561

แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่เป็นพันธมิตรกับรองประธานาธิบดี ซึ่งเรียกร้องให้มีการเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อบรรเทาระดับความยากจน ได้ลงมติคัดค้านข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟ โดยข้อตกลงดังกล่าวผ่านสภาได้ด้วยการสนับสนุนจากฝ่ายค้าน

กุซมันโพสต์จดหมายลาออกของตัวเอง ในขณะที่เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์ กำลังกล่าวสุนทรพจน์เพื่อรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีอาร์เจนตินาคนดัง “ฮวน โดมิงโก เปรอง”

การลาออกของเขา เกิดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์แห่งความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของละตินอเมริกา ขณะที่ค่าเงินเปโซแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกว่า 60% และบรรดาคนขับรถบรรทุกกำลังประท้วงเพราะขาดแคลนน้ำมันดีเซล

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อฐานอำนาจที่กำลังอ่อนแอของประธานาธิบดีเฟอร์นันเดซ