เรื่องใหญ่ปี 2018 ที่โลกต้องจับตา

ปีที่แล้วนับว่าโลกเกิดความปั่นป่วนทางการเมืองค่อนข้างมาก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ กรณีเบร็กซิตและกระแสขวาจัดในยุโรป ซึ่งก็โล่งอก

ที่ฝ่ายขวายังไม่ชนะเลือกตั้งทั้งในฝรั่งเศส เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ กระนั้นก็ตามยังไม่มีอะไรน่าวางใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปี 2018 โดยบรรดานักพยากรณ์มืออาชีพได้แนะให้จับตามองเหตุการณ์สำคัญในปี 2018 ที่อาจจะเป็นข่าวใหญ่และส่งผลต่อทิศทางของโลก ดังนี้

ประธานเฟดคนใหม่

“เจอโรม พาวเวลล์” จะเข้ารับตำแหน่ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ต่อจาก เจเน็ต เยลเลน ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตลาดจะคอยจับตามองใกล้ชิดว่าเขาจะดำเนินนโยบายต่อเนื่องไปตามแนวทางปัจจุบันของเฟดหรือไม่ ซึ่งได้แก่ทำให้เงินเฟ้อเป้าหมายขยับขึ้นแตะ 2% ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง และลดขนาดงบดุล

นอกจากนี้ธนาคารกลางอื่น ๆ ที่จะถูกตลาดจับตาก็คือท่าทีของธนาคารกลางสหภาพยุโรป (อีซีบี) เกี่ยวกับทิศทางของนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ธนาคารกลางอังกฤษจะมีท่าทีอย่างไรต่อเบร็กซิต และผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังเป็นคนเดิมหรือไม่

อนาคตรัฐบาล “ทรัมป์”

ปีนี้ยังต้องลุ้นว่า ผลสรุปคดีที่ต้องสงสัยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียในการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปลายปี 2016เพื่อให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง จะออกมาในรูปไหน จะถึงกับทำให้ทรัมป์หลุดจากตำแหน่งหรือไม่ โดยขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนของอัยการ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญการเมืองสหรัฐเชื่อว่าพรรครีพับลิกันคงไม่ถอดถอนทรัมป์ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนหากพรรคเดโมแครตสามารถเอาชนะเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนปีนี้จนสามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้

เกาหลีเหนือและทรัมป์

หลังจากขู่กันมาเกือบตลอดปีที่แล้ว ปีนี้ยังต้องจับตาต่อไปว่าทรัมป์และ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะยกระดับจากสงครามน้ำลายไปสู่การลงมือปฏิบัติการทางทหารหรือไม่ ซึ่งที่น่าลุ้นมากที่สุดก็คือทรัมป์จะเพิกเฉยต่อคำเตือนของเพนตากอนและพยายามจะลงมือถล่มเกาหลีเหนือก่อนหรือไม่ นอกจากนี้หากเป็นกรณีที่สหรัฐต้องการยิงสกัดการทดสอบขีปนาวุธของโสมแดงก็เชื่อว่าต้องขอความยินยอมจากเกาหลีใต้ในการใช้ฐานยิง แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะหากสกัดพลาดเป้า ความแม่นยำของระบบการสกัดของสหรัฐจะเสียความน่าเชื่อถือมาก

ปัญหาการเมืองในยุโรป

แม้พรรครัฐบาลเดิมของ นางอังเกลาแมร์เคิล แห่งเยอรมนี จะชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเอง ขณะที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งรัฐบาลผสม ดังนั้นเป็นไปได้ว่าปีนี้อาจต้องเลือกตั้งใหม่ ด้านการเมืองสเปนยังง่อนแง่น หลังจากพรรคที่สนับสนุนการแยกแคว้นกาตาลุญญาออกจากสเปนชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมอย่างถล่มทลาย

ส่วนกรณีเบร็กซิตนั้น ต้องดูว่าข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างอังกฤษกับอียูจะดำเนินต่อไปได้จนจบสิ้นหรือไม่ หากล่มเสียก่อนก็เป็นไปได้ที่อังกฤษอาจต้องเลือกตั้งใหม่ หรือแม้กระทั่งจัดทำประชามติใหม่

ขณะที่กระแสของพวกขวาจัดในการเมืองยุโรปยังไม่หมดไป ยังต้องจับตาการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและท้องถิ่นในเบลเยียม เช็ก เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ฮังการี อิตาลี สวีเดนราชวงศ์อังกฤษ

ราชวงศ์อังกฤษไม่เคยพลาดจากการเป็นข่าวใหญ่ และปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อเจ้าชายแฮรี่ประกาศจะเสกสมรสกับ เมแกน มาร์เคิล นักแสดงชาวอเมริกันในฤดูใบไม้ผลินี้ นอกจากนี้เจ้าหญิงเคทก็มีกำหนดจะให้กำเนิดพระโอรส-ธิดา องค์ที่ 3 ประมาณเดือนเมษายน ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษ ช่วยเพิ่มยอดขายค้าปลีกและส่งเสริมการท่องเที่ยว

ความร้อนแรง “บิตคอยน์”


ถึงตอนนี้ในโลกเทคโนโลยี ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่า “บิตคอยน์” เงินสกุลดิจิทัล ที่ราคาพุ่งพรวดจาก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคม 2017 ไปอยู่ที่ 18,500 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อถึงสิ้นปี ทำให้ทางการของหลายประเทศเริ่มเข้ามาควบคุม นักลงทุนจึงรอลุ้นว่าอนาคตของเงินสกุลดิจิทัลแบรนด์ต่าง ๆ (นอกเหนือจากบิตคอยน์ก็มีริปเปิล, สเตลลาร์ เป็นต้น) จะเป็นอย่างไร และจะมีอุตสาหกรรมอะไรอีกที่สนใจจะลงทุนในเงินดิจิทัล