เปิดแฟ้มFBI สหรัฐระแวงจีน ใช้เจดีย์บังหน้า สอดแนมถึงคลังแสงนิวเคลียร์

สหรัฐระแวงจีน

CNN เผยรายงานประกอบการวิเคราะห์ เบื้องหลังเบื้องลึกที่ สหรัฐระแวงจีน อย่างยิ่ง

วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 บรรดาสำนักข่าวของสหรัฐเผยแพร่การจับตาเยือนเอเชียของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนประชาชนของสหรัฐ ที่ไม่ปรากฏชื่อไต้หวัน หลังจีนขู่ไว้แล้วว่า อย่าแม้แต่จะคิด

ความสัมพันธ์อันระทึกของสองชาติมหาอำนาจโลกไม่ชื่นมื่นมาหลายปีแล้ว รวมถึงการพบปะทางไกลครั้งล่าสุด ระหว่าง ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา กับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน

พาดหัวข่าว แนนซี เพโลซี จะเยือน 4 ประเทศในเอเชีย แต่ไม่ปรากฏชื่อไต้หวัน เมื่อ 31 ก.ค. AP Photo/Andy Wong)

นอกจากเผยความขัดแย้งที่ขู่กันไปมาเรื่องไต้หวันแล้ว ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังออกอากร “ขม” มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี และเปิดศึกเผชิญหน้ากับจีน จนเกิดสงครามการค้าที่ตึงเครียด

ไม่เท่านั้น สิ่งที่สหรัฐระแวงจีนอย่างยิ่ง คือการเข้ามาสอดแนม และฉกฉวยเทคโนโลยีของสหรัฐไปใช้ ในที่นี้รวมถึงการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย

สี จิ้นผิง เอ่ยเตือนนายไบเดน ว่า การที่สหรัฐจำกัดการส่งออกทางเทคโนโลยี จะยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจโดยรวมของโลก ทำให้การพัฒนานวัตกรรมช้าลง และเพิ่มราคาสินค้ากลุ่มนี้ให้สูงขึ้น

หอเจดีย์สูง 21 เมตรที่น่าสงสัย

จากรายงานพิเศษของ ซีเอ็นเอ็น ไม่นานมานี้ พบว่าสหรัฐระมัดระวังอย่างยิ่งกับธุรกิจเทคโนโลยีการสื่อสารที่เข้าไปในประเทศ ด้วยความกลัวเกรงว่าจะเข้าไปสอดแนมหรือล้วงตับสหรัฐถึงในบ้าน

เอกสารสอบสวนของสำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ-FBI ระบุถึงการล้มข้อตกลงเมื่อปี 2017 (พ.ศ. 2560) ตอนนั้นรัฐบาลจีนเสนอเงิน 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,650 ล้านบาท เพื่อสร้างสวนจีนอันวิจิตรที่สวนรุกขชาติแห่งชาติในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

สวนรุกขชาติแห่งชาติ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. AFP PHOTO / Jim WATSON (Photo by JIM WATSON / AFP)

ตามแบบร่าง สวนแห่งนี้ประกอบด้วยอาคารที่เป็นวัดวาอาราม ศาลา และมีจุดเด่นคือเจดีย์สีขาวสูง 21 เมตร สร้างความตื่นเต้นให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

แต่แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรองของสหรัฐเริ่มเจาะลึกรายละเอียด จึงพบธแดงจำนวนมาก และพบว่าทำเลที่ตั้งเจดีย์ อยู่ในจุดสูงสุดแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ห่างจากอาคารรัฐสภาสหรัฐเพียง 3.2 กม. ซึ่งเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเก็บสะสมรวบรวมข่าวกรอง

จุดน่าสงสัยอีกเรื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่จีนต้องการส่งวัสดุก่อสร้างเจดีย์จากจีนไปยังสหรัฐ ด้วยการส่งเป็นสิ่งของทางการทูต เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางยกเลิกดีลอย่างเงียบ ๆ ในปี 2018 (พ.ศ. 2561) ตอนนั้นเดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานข่าวยกเลิกสัญญานี้ระบุเพียงว่า เป็นเหตุผลด้านความมั่นคง

แผนสร้างสวนจีนถูกยกเลิกไปอย่างเงียบ ๆ

เจอพิรุธหอสัญญาณหัวเว่ย

เบื้องลึกเบื้องหลังของการยกเลิกสวนวิจิตรดังกล่าว มาจากปฏิบัติการต่อต้านข่าวกรองของเอฟบีไอและหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้อง มุ่งตรวจสอบประเด็นการส่งสายลับจีนเข้ามาสอดแนมในแผ่นดินอเมริกาช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

นับจากปี 2017 เป็นอย่างน้อย เอฟบีไอไล่ตรวจสอบที่ดินที่จีนซื้อไปโดยเฉพาะส่วนที่อยู่ใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ต้องระมัดระวัง มีการปิดสถานกงสุลที่ทางการเชื่อว่า จีนแอบใช้สืบราชการลับ หลังพบว่ามีความพยายามจะติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังในกำแพงหิน ตรงจุดที่ใกล้อาคารทหารและอาคารรัฐบาลที่สำคัญ

สถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งที่เอฟบีไอเตือน คือการพบอุปกรณ์หัวเว่ยที่ผลิตในจีน บนหอชุมสายสัญญาณ ใกล้กับฐานทัพทหารสหรัฐในเขตชนบท แถบมิดเวสต์ของสหรัฐ 

สหรัฐระแวงจีน
ฐานทัพอากาศสหรัฐ ที่รัฐไวโอมิง

แหล่งข่าวเผยว่า เอฟบีไอฟันธงว่าอุปกรณ์ดังกล่าว มีศักยภาพที่จะจับและขัดขวางการสื่อสารของกระทรวงกลาโหมที่จำกัดสัญญาณอย่างเข้มงวด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้โดยกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐ ซึ่งใช้ดูแลอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ

ยังไม่แน่ชัดว่า ในเครือข่ายเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสรุปว่ามีข้อมูลถูกดักจากหอคอยเหล่านี้ แล้วส่งกลับปักกิ่งหรือไม่ แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับปัญหานี้กล่าวว่าจากมุมมองทางเทคนิค เป็นการยากที่จะพิสูจน์ว่ามีข้อมูลชุดใดถูกขโมยแล้วส่งไปต่างประเทศหรือไม่

รัฐบาลจีนเคยปฏิเสธเสียงแข็งเกี่ยวกับเรื่องการสอดแนมผ่านบริษัทหัวเว่ยในสหรัฐ แถลงการณ์ที่ส่งมาถึงซีเอ็นเอ็น ยังปฏิเสธด้วยว่า อุปกรณ์ของหัวเว่ยมีศักยภาพที่จะทะลวงเข้าไปถึงกระทรวงกลาโหม

The logo of the Huawei Technologies Co. Ltd / REUTERS/Tyrone Siu/File Photo

แต่แหล่งข่าวได้เปิดเผยกับทางซีเอ็นเอ็นว่า อุปกรณ์ของหัวเว่ยนั้นมีศักยภาพที่จะดักสัญญาณไม่เพียงแค่การรับส่งข้อมูลในเชิงพาณิชย์ แต่ยังรวมถึงคลื่นวิทยุที่จำกัดไว้อย่างสูงสำหรับกองทัพ และขัดขวางการสื่อสารที่สำคัญของกองบัญชาการยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ทำให้รัฐบาลจีนมีช่องทางเข้าสู่คลังแสงนิวเคลียร์ของอเมริกา

 “เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุดที่เราตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่จะส่งผลต่อศักยภาพของประเทศในการสั่งการที่สำคัญ และควบคุมนิวเคลียร์ทั้งสามลักษณะ (จากพื้นดิน จากเรือ และจากขีปนาวุธ)” อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนหนึ่งกล่าว

เปลี่ยนนกพิราบเป็นสายเหยี่ยว

อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไออธิบายการค้นพบสิ่งที่พิสูจน์ดังกล่าวว่า เป็นจังหวะเวลาที่พลิกผัน เพราะการสอบสวนดำเนินไปอย่างลับ ๆ โดยไม่ได้รายงานต่อเจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาว และหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องจนกระทั่งถึงปี 2019 (พ.ศ. 2562)

ในฤดูใบไม้ร่วงนั้น คณะกรรมการการกำกับดูแลการสื่อสารแห่งชาติ (FCC) เริ่มกฎห้ามมิให้โทรคมนาคมขนาดเล็กใช้หัวเว่ย และอุปกรณ์ที่ผลิตในจีนอีก 2-3 ยี่ห้อ

อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งกล่าวเสริมอีกว่า “ผลของการสอบสวนทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดเปลี่ยนแนวทางสายพิราบเป็นสายเหยี่ยว”

เมื่อครั้ง หู จิ่นเทา เป็นประธานาธิบดีจีน ความสัมพันธ์กับสหรัฐยังราบรื่น ทั้งนางฮิลลารี คลินตัน และนายโจ ไบเดน ต้อนรับและพูดคุยถึงการสร้างสวนจีน

ปี 2020 (พ.ศ. 2563) สภาคองเกรสอนุมัติงบฯ 1,900 ล้านดอลลาร์ เพื่อถอดเทคโนโลยีเซลลูลาร์ ZTE ของ หัวเว่ยที่ผลิตในจีนออกจากพื้นที่ชนบทของอเมริกาออกให้หมด แต่สองปีจากนั้น อุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำออกไป และบริษัทโทรคมนาคมในชนบทยังคงรอเงินชดเชยจากรัฐบาลกลางอยู่

แม้ FCC จะได้รับใบสั่งให้ถอดอุปกรณ์ของบริษัทโทรคมนาคมที่ทำในจีนออกให้หมด แต่จากข้อมูลล่าสุดของคณะกรรมการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมปีนี้ พบว่าหน่วยงานถอดอุปกรณ์ยังขาดเงินมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1 แสนบ้านบาท ที่จะต้องจ่ายคืนให้กับบริษัทที่มีสิทธิทั้งหมด

อดีตเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐ กล่าวว่า หลังไบเดนเข้ารับตำแหน่งในปี 2021 หรือปีที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์เปิดการสอบสวนอย่างเร่งด่วน เพื่อล้างผู้ให้บริการเทคโนโลยีของจีนออกจากเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐ

โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า “เราไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ แต่เรามุ่งมั่นที่จะรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและห่วงโซ่อุปทานของภาคบริการ การปกป้องบุคคลในสหรัฐ ให้ปลอดภัยจากการรวบรวมข้อมูลที่เป็นอันตราย มีความสำคัญต่อการปกป้องเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ”

ชี้จีนมีโปรแกรมแฮกใหญ่กว่าทุกประเทศ

ไม่นานมานี้ คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ เดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของอังกฤษและเตือนถึงภัยคุกคามของจีน 

ผอ.เอฟบีไอได้ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า “เอฟบีไอเปิดการสอบสวนการต่อต้านข่าวกรองจีนครั้งใหม่ทุก ๆ 12 ชั่วโมง นับไปแล้วเป็นการสอบสวนกว่า 2,000 เรื่อง ยังไม่ได้รวมถึงการขโมยข้อมูลทางไซเบอร์ด้วยซ้ำ ที่ซึ่งพวกเขามีโปรแกรมแฮกที่ใหญ่กว่าของทุกประเทศใหญ่ ๆ รวมกัน และได้ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลองค์กรของชาวอเมริกันมากกว่าทุกประเทศรวมกัน”

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผอ.เอฟบีไอ (ขวา) พบ ผอ.เอ็มไอไฟว์ เคน แมคคัลลัม ของอังกฤษ ที่ลอนดอน เมื่อ 6 ก.ค. 2022.  (Dominic Lipinski/PA via AP)

เมื่อซีเอ็นเอ็นถามว่า ทำไมหลังจากหลายปีของความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติเกิดขึ้นกับหัวเว่ย อุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่บนเสาเซลล์ใกล้กับฐานทัพทหารสหรัฐ

ผอ.เรย์กล่าวว่า “เรากังวลเกี่ยวกับการอนุญาตให้บริษัทใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐชาติที่ไม่ยึดมั่นและแบ่งปันค่านิยมของเรา ทำให้บริษัทนั้นเจาะลึกเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของเราได้ อย่างในปี 2020 กระทรวงยุติกรรมฟ้องร้องหัวเว่ย สมคบขโมยข้อมูลลับทางการค้า”

ชังชาวต่างชาติมากเกินไป ?

รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธที่จะให้หลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่าเทคโนโลยีของหัวเว่ย ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคง

จึงทำให้นักวิจารณ์บางคนกล่าวหาว่า ตนมีพฤติกรรมหวาดผวาชาวต่าวชาติมากเกินไป และเกิดคำถามว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐสามารถแยกการลงทุนของจีนที่ถูกกฎหมายออกจากการจารกรรมได้หรือไม่

คำแถลงของทางหัวเว่ยระบุว่า “เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่หัวเว่ยได้รักษาประวัติความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราที่นำเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาได้รับการทดสอบและรับรองโดย FCC ก่อนนำไปใช้จริงโดยทำงานบนคลื่นความถี่ที่ FCC จัดสรรเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น”

นั่นหมายความว่าอุปกรณ์จะไม่สามารถเข้าถึงคลื่นความถี่ที่จัดสรรให้กับกระทรวงกลาโหมได้ และเราไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นอันตราย”

ภาพ : REUTERS/Dado Ruvic

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ปีนี้ กระทรวงยุติธรรมยกเลิกการฟ้องอาจารย์มหาวิทยาลัยของสถาบัน MIT ที่ถูกกล่าวหาว่าปกปิดความสัมพันธ์กับจีน โดยระบุว่าไม่สามารถพิสูจน์กรณีนี้ได้อีกต่อไป แต่เดือนกุมภาพันธ์ ฝ่ายบริหารของไบเดนได้ปิดโครงการริเริ่มของจีนทั้งหมด

นักวิจารณ์โต้แย้งว่ารัฐบาลกลางได้ใช้เครือข่ายที่กว้างเกินไป โดยเถียงว่า “ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่า ศาสตราจารย์เคยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจีนในการดำเนินการวิจัยที่ได้รับทุนจากนาซา”

แอนนา พุกลิซี  นักวิจัยระดับสูงของศูนย์ความปลอดภัยและเทคโนโลยีเกิดใหม่ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ มองว่า ตอนแรกสหรัฐปฏิบัติต่อจีนว่าเป็นตัวละครที่เป็นกลาง แต่จู่ ๆ พอหวาดผวาขึ้นมา ก็มองเห็นแผนการที่อยู่เบื้องหลังไปหมด ทั้งที่จีนก็แสดงให้เห็นแต่แรกแล้วว่า ไม่ใช่ตัวละครที่เป็นกลาง    

ยุคโอบามาดึงเทคโนโลยีจีนเข้าไปเอง

ช่วงต้นของการบริหารของรัฐบาล บารัก โอบามา เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกำลังเฝ้าติดตามเส้นทางการค้ามนุษย์ตามแนวทางหลวงระหว่างรัฐ 25 ในโคโลราโดและมอนทานา และบนหลอดเลือดแดงสู่เนบราสกา เชื่อมโยงสถานที่ปฏิบัติการทางทหารนอกชายฝั่งที่ลึกลับที่สุดในสหรัฐอเมริกา รวมถึงหมู่เกาะไซโลขีปนาวุธนิวเคลียร์

เริ่มต้นในปลายปี 2011 (พ.ศ. 2554) เวียโร ผู้ให้บริการระดับภูมิภาครายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ได้ลงนามในสัญญากับหัวเว่ยเพื่อจัดหาอุปกรณ์สำหรับการอัปเกรดเป็น 3G ทศวรรษต่อมา บริษัทได้ติดตั้งเทคโนโลยีของ หัวเว่ย ไว้ทั่วทั้งกองเรือทั้งหมด ประมาณ 1,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วห้ารัฐทางตะวันตก

ผู้ให้บริการโทรคมนาคมขนาดเล็กในชนบทได้ติดตั้งเราเตอร์ที่ผลิตในจีน และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ราคาถูกกว่าบนเสาเซลล์ I-25 และที่อื่น ๆ ในภูมิภาค และหลายคนหันไปใช้หัวเว่ยสำหรับอุปกรณ์ที่ถูกกว่าและเชื่อถือได้

เจ้าหน้าที่พิเศษได้ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ของหัวเว่ยเริ่มแพร่หลายใกล้กับฐานทัพทหารของสหรัฐ สิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ หัวเว่ย ขายอุปกรณ์ราคาถูกให้กับผู้ให้บริการในชนบทเป็นประจำ จากมุมมองทางธุรกิจ/การเงินที่เขาได้ศึกษา คือ มันไม่สมเหตุสมผลจากมุมมองของผลตอบแทนจากการลงทุน

แหล่งข่าวได้ระบุว่า จากการตรวจสอบอุปกรณ์หัวเว่ย ผู้ตรวจสอบของ FBI ได้พิจารณาแล้วว่าสามารถรับรู้และขัดขวางการสื่อสารของกระทรววกลาโหมได้ แม้ว่าจะได้รับการรับรองจาก FCC แล้วก็ตาม 

“ในทางเทคนิคแล้ว ไม่ยากที่จะสร้างอุปกรณ์ที่สอดคล้องกับ FCC ที่ฟังคลื่นความถี่ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่จากนั้นก็รออย่างเงียบ ๆ เพื่อรอการกระตุ้นเพื่อฟังคลื่นความถี่อื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคระดับเซมิคอนดักเตอร์และวิศวกรรม” เอ็ดเวิร์ดโด โรฮอส ผู้นำห้องปฏิบัติการคลื่นความถี่วิทยุที่ Embry-Riddle Aeronautical กล่าว

ความกังวลเรื่องกล้องตรวจสภาพอากาศ

ย้อนกลับประมาณปี 2014 (พ.ศ. 2557) Viaero เริ่มติดตั้งกล้องวงจรปิดความละเอียดสูงบนหอคอยเพื่อถ่ายทอดสดสภาพอากาศและการจราจร ซึ่งเป็นบริการสาธารณะที่แชร์กับองค์กรข่าวท้องถิ่นตลอด 24 ชั่วโมงด้วยกล้องหลายสิบตัวที่โพสต์ I-25

แต่พวกเขายังจับความเคลื่อนไหวของยุทโธปกรณ์และบุคลากรทางทหารของสหรัฐ โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้รัฐบาลจีนหรือใครก็ตามในเรื่องนั้น สามารถติดตามรูปแบบกิจกรรมระหว่างชุดสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารที่ได้รับการคุ้มกันอย่างใกล้ชิด

แฟรงก์ ดิริโค ซีอีโอของ Viaero กล่าวว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากล้องดังกล่าวอาจเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ไม่เคยได้รับคำสั่งให้ถอดอุปกรณ์หรือทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

กระทั่งเมื่อดิริโกพอรู้เกี่ยวกับเรื่องความกังวลของรัฐบาลจากบทความในหนังสือพิมพ์ ว่าหน่วยข่าวกรองของจีนสามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ของหัวเว่ยหรืออุปกรณ์กล้องได้

ปัญหาที่ซับซ้อน-ต้องแยกแยะ

การที่รัฐบาลสหรัฐในนาม FCC ตั้งแต่สมัยโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งบริษัทผู้ให้บริการ อย่าง Viaero ถอดอุปกรณ์การสื่อสารที่ผลิตในจีนทั้งหมดออก หลังรับทราบรายงานการสอบสวนแล้ว กลายเป็นปัญญาที่ซับซ้อนในเวลาต่อมาถึงปัจจุบัน

เพราะคำสั่งดังกล่าวนั้นต้องใช้เงินมหาศาล จึงเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติ

อดีตเจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรองบางคนแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ให้รายละเอียดที่ละเอียดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่บริษัททราบ

หรือผู้บริหารเมืองและรัฐต่าง ๆ ที่กำลังพิจารณาข้อเสนอการลงทุนของจีน เชื่อว่ารายละเอียดดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยให้ภาคเอกชน ภาครัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นเข้าใจถึงความร้ายแรงของภัยคุกคามตามที่เห็น แต่ยังช่วยต่อสู้กับการวิพากษ์วิจารณ์ที่รัฐบาลสหรัฐมุ่งเป้าไปที่บริษัทและประชาชนในจีน มากกว่าที่จะเป็นรัฐของจีน

บิล อีวานนินา อดีต ผอ.ศูนย์ความมั่นคงและการต่อต้านข่าวกรองแห่งชาติ เรียกร้องว่า รัฐบาลนี้ต้องทำงานได้ดีขึ้นในการบอกให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นปัญหาของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่หว่านแหว่าเป็นคนจีนทั้งหมด

“ผมจะเป็นคนแรกที่บอกว่ารัฐบาลต้องทำให้ดีกว่านี้ในแง่ของการเข้าใจเจตนาของพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่ความตั้งใจแบบเดียวกันของคนจีน” เอวานีนากล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนปัจจุบันกล่าวว่า ทางทีมงานมุ่งบรรยายสรุปเชิงป้องกันเพิ่มเติมแก่ธุรกิจ สถาบันการศึกษา ของรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงรายละเอียดที่มากกว่าในอดีต ขณะเดียวกันจ้าหน้าที่ยังคงต่อสู้กับการต่อสู้ที่ยากลำบาก

“บางครั้งผมรู้สึกว่า เราเป็นหน่วยไลฟ์การ์ดที่มีหน้าที่ช่วยคนที่กำลังจมน้ำ แต่พวกเขากลับไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา ผมเลยคิดว่าเราแค่ต้องระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีที่เราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้ความรู้ผู้คนว่าทำไมเราถึงทำในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” เจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนปัจจุบันกล่าว

……