เหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ติดอันดับกราดยิงสังหารในโรงเรียนร้ายแรงสุดในโลก

EPA

เหตุกราดยิงสังหารหมู่เด็กเล็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู กลายเป็นหนึ่งในเหตุกราดยิงและโจมตีโรงเรียน ครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

จากเหตุการณ์ที่อดีตตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงและไล่แทงเด็กและครู ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เด็กเล็ก เสียชีวิต 24 คน และเมื่อรวมกับผู้เสียชีวิตจากจุดเกิดเหตุอื่น ๆ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 36 คน ไม่รวมตัวผู้ก่อเหตุ

เหตุการณ์นี้ ทำให้โศกนาฏกรรมในภาคอีสานของไทย กลายเป็นหนึ่งในเหตุกราดยิงและโจมตีโรงเรียนครั้งร้ายแรงครั้งหนึ่งของโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รวบรวมเหตุกราดยิงในโรงเรียน และการสังหารหมู่เด็ก ๆ ครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก เรียงตามวันที่เกิดเหตุครั้งล่าสุด ดังนี้

คุณแม่ใจสลาย

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

วันที่ 6 ต.ค. 2565 ตำบลอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู ประเทศไทย

อดีตตำรวจ ใช้อาวุธปืนและมีดสังหารเด็กเล็ก 24 คน อายุน้อยสุดเพียง 3 ปี และสังหารครู 2 คน โดยก่อนและหลังบุกเข้าไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ผู้ก่อเหตุได้ยิงสังหารประชาชนที่พบเห็นระหว่างทาง ก่อนกลับไปถึงบ้านแล้วยิงภรรยาและลูกเสียชีวิต แล้วยิงตัวตาย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเป็น 36 คน ไม่นับรวมผู้ก่อเหตุ

วันที่ 24 พ.ค. 2565 เมืองอุลวาเด รัฐเทกซัส สหรัฐฯ

มือปืนบุกเข้าไปในห้องเรียนโรงเรียนประถม แล้วยิงเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 9-11 ขวบ เสียชีวิต 19 คน และอาจารย์เสียชีวิต 2 คน

วันที่ 8 พ.ค. 2564 กรุงคาบูล อัฟกานิสถาน

เกิดระเบิดต่อเนื่อง 3 ครั้ง โจมตีโรงเรียนในกรุงคาบูล ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนหญิง

เหตุกราดยิงในเมืองซานตาเฟ รัฐเทกซัส สหรัฐฯ

ที่มาของภาพ, EPA

วันที่ 18 พ.ค. 2561 เมืองซานตาเฟ รัฐเทกซัส สหรัฐฯ

เด็กนักเรียนวัย 17 ปี เปิดฉากยิงใส่เพื่อนนักเรียนโรงเรียนมัธยม ทำให้นักเรียนเสียชีวิต 9 คน อาจารย์เสียชีวิต 1 คน ก่อนจะยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

วันที่ 14 ก.พ. 2561 เมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ

อดีตนักเรียนโรงเรียนมัธยม ก่อเหตุยิงสังหารนักเรียน 14 คน และอาจารย์ 3 คน

วันที่ 16 ธ.ค. 2557 เมืองเปชวาร์ ปากีสถาน

มือปืนจากกลุ่มตาลีบันสังหารหมู่เด็กนักเรียน 134 คน และเจ้าหน้าที่โรงเรียนอีก 16 คน ที่โรงเรียนในเมือง

วันที่ 14 ธ.ค. 2555 เมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนทิคัต สหรัฐฯ

มือปืนพร้อมอาวุธปืนหลายกระบอก ก่อเหตุสังหารเด็ก 20 คน อายุระหว่าง 5-10 ปี และประชาชนอีก 6 คน ที่โรงเรียนอนุบาลแซนดีฮุก

กราดยิงโรงเรียนแซนดีฮุก

ที่มาของภาพ, Reuters

วันที่ 22 ก.ค. 2554 เกาะอูโทยา นอร์เวย์

อันเดอร์ช เบห์ริง เบรวิก ก่อเหตุสังหารหมู่ 69 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ในค่ายเยาวชนของพรรคแรงงานบนเกาะอูโทยา และก่อเหตุระเบิดรถยนต์สังหารอีก 8 คน ในกรุงออสโล

วันที่ 1 ก.ย. 2547 เมืองเบสลาน รัสเซีย

กลุ่มกบฏ ที่เรียกร้องเอกราชให้ชาวเชชเนียในรัสเซีย ได้ก่อเหตุบุกโจมตีโรงเรียนในเมืองเบสลาน และจับนักเรียนและผู้คนจำนวนมากเป็นตัวประกัน ท้ายสุดตัวประกัน 333 คนเสียชีวิต ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 186 คน

วันที่ 20 เม.ย. 2552 เมืองลิตเติลตัน รัฐโคโลราโด สหรัฐฯ

นักเรียน 2 คน ก่อเหตุยิงสังหารเด็กนักเรียนคนอื่น 12 คน และอาจารย์ 1 คน ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมบีน ก่อนจะยิงตัวเองเสียชีวิต

วันที่ 13 มี.ค. 2539 เมืองดันเบลน สกอตแลนด์​ สหราชอาณาจักร

มือปืนสังหารเด็กนักเรียน 16 คน ส่วนใหญ่อายุแค่ 5 ขวบ และอาจารย์ 1 คน

กราดยิงในโรงเรียนเกิดไม่บ่อย นอกสหรัฐฯ

ผลการศึกษาเมื่อปี 2559 โดยศาสตราจารย์ อดัม แลงค์ฟอร์ด จากมหาวิทยาลัยแอละแบมาของสหรัฐฯ พบว่า ช่วงปี 1966 ถึง 2012 เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น 31% จากทั่วโลก ล้วนเกิดขึ้นในสหรัฐฯ และในจำนวนประเทศที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน มีเพียงเยเมนเท่านั้น ที่มีอัตราการเกิดเหตุกราดยิงต่อหัวประชากร มากกว่าสหรัฐฯ

ผลการศึกษษของ ศ.แลงค์ฟอร์ด ยังชี้ว่า ถ้าคิดเฉพาะกรณีเหตุมือปืนเพียงคนเดียว ก่อเหตุรุนแรงแบบสุ่มนั้น สหรัฐฯ มีอัตราการเกิดเหตุอาชญากรรมลักษณะนี้ มากกว่าประเทศอื่นในโลกถึงกว่า 6 เท่า

สถานีข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นยังชี้ว่า เหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับเหตุก่อการร้าย ยังเกิดขึ้นไม่บ่อยนักนอกสหรัฐอเมริกา

โดยช่วงปี 2552 ถึง 2561 สหรัฐฯ เผชิญเหตุกราดยิงในโรงเรียนถึง 288 ครั้ง (เฉพาะเหตุที่มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คนขึ้นไป และไม่นับตัวผู้ก่อเหตุ) ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่มจี 7 เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียน รวมกันเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น ในช่วงเวลาเดียวกัน

ต้องถอดบทเรียน อีกแล้ว ?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์เชิงวิเคราะห์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ผู้ก่อเหตุกระทำการเช่นนี้ โดยมองว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ “ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจที่กำลังถูกสืบสวนเรื่องการใช้อาวุธ” จึงทั้งมีความเครียดสะสมจากการให้ออกจากราชการ เรื่องคดีความ แล้วยังมีประวัติใช้สารเสพติดมาพอควร ทำให้สภาพจิตใจไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป

สิ่งที่ต้องพิจารณาและตรวจสอบ คือ ผู้ก่อเหตุใช้สารเสพติดมายาวนานแค่ไหน เสพมานานก่อนเข้ารับราชการตำรวจหรือไม่ มีเครือข่ายยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือถึงระดับเกี่ยวพันกับเครือข่ายอาชญากรรมหรือไม่ เพราะหากมีปัจจัยเหล่านี้ประกอบ เมื่อเข้ารับราชการและมีการฝึกฝนการใช้อาวุธ ยิ่งทำให้มีความเครียดสะสม สภาจิตใจก็ยิ่งกดดันมากขึ้น

ส่วนสาเหตุที่เลือกเป้าหมายเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ วิเคราะห์ว่า ผู้ก่อเหตุเชื่อว่า  “การก่อเหตุจะทำให้สูญเสียจำนวนมากได้ วิธีการคิดของเขาตรงนี้ เพราะความรู้สึกของเขา สภาพจิตใจ และการใช้สารเสพติด และต้องการทำให้ช็อคสังคม ช็อคโลก ให้สังคมสนใจปรากฎการณ์ที่เขาได้รับผลกระทบ”

ต้องถอดบทเรียนอีกแค่ไหน

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

“พูดง่าย ๆ เขามีพฤติกรรมที่เกลียดสังคม เพราะเขารู้สึกว่า ตัวเขาถูกกระทำ แต่เขาไม่ได้มองกลับกันว่า มันเกิดจากตัวเขาเอง”

ส่วนบทเรียนที่อยากฝากให้สังคมได้สะท้อนจากเหตุการณ์นี้ คือ

  • ระดับนโยบาย: สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรมีการประเมินสุขภาพจิตเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ถูกดำเนินคดี และพัวพันกับยาเสพติด หรือต้องคดีพยายามฆ่า อีกทั้ง การปลดเจ้าหน้าที่ออกจากราชการ ทั้งที่ทราบว่ามีสภาพจิตใจผิดปกติและความเครียดสะสม แต่ยังครอบครองปืนไว้อยู่ เป็นเรื่องสมควรหรือไม่
  • ระดับชุมชน: บุคคลทั่วไปที่มีความเครียดสะสม บุคคลรอบข้างช่วยกันสังเกตอาการ และร่วมกันแก้ปัญหาได้ อาทิ พาไปพบจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เป็นต้น

“เรามักจะมองปลายทาง เหมือนลูกโป่งที่อัดแก๊สเข้าไปแล้ววันหนึ่งระเบิด จึงค่อยมาสนใจว่าลูกโป่งระเบิด แต่ระหว่างที่กำลังเติมแก๊ส ลูกโป่งใกล้จะระเบิด มีใครสังเกตบ้างไหม” รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ กล่าว

“ผมเชื่อว่าเราไม่อยากจะถอดบทเรียนกันบ่อย ๆ” และบทเรียนสำคัญที่สุดจากเหตุการณ์นี้ คือ “ถึงเวลายอมรับว่า เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราอีกต่อไปแล้ว อาจเกิดที่ไหน เวลาใดก็ได้ อยู่กับว่าเราจะรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรได้บ้าง”

….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว