จ๊อบส์ดีบี สำรวจผลตอบแทน สายงานที่เป็นที่ต้องการ 2566

ดวงพร พรหมอ่อน

จ๊อบส์ดีบี แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของประเทศไทยภายใต้การบริหารของกลุ่ม SEEK ได้เปิดผลสำรวจ “แนวโน้มสถานการณ์การจ้างงาน ผลตอบแทน และสวัสดิการ ปี 2565-2566” พร้อมเผยข้อมูลเจาะลึกล่าสุดเกี่ยวกับตลาดงานในประเทศไทย

“ดวงพร พรหมอ่อน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันเพื่อช่วงชิงคนที่มีความสามารถจะเข้มข้นขึ้นตามสภาวะโลกในปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องวางกลยุทธ์ในการดึงดูดและการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อที่ตัวบริษัทเองจะยังสามารถครองใจพนักงานไว้ได้ กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึงการให้ค่าตอบแทน ผลประโยชน์ และโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะเสริมสร้างประสบการณ์การทำงาน

“สำหรับประเทศไทย เราคาดการณ์ว่าการปรับการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะเข้าสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน ทางด้านบริษัทเองควรพิจารณาถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับพนักงาน และสิ่งที่พนักงานต้องการ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับความคาดหวังที่เปลี่ยนไป นี่คือสิ่งสำคัญในการดึงดูดคนที่มีความสามารถท่ามกลางตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง”

สายงานที่เคยถูกเลิกจ้าง จะกลับมาเป็นที่ต้องการ

จ๊อบส์ดีบีได้สำรวจความคิดเห็นกับบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กในประเทศไทย จำนวน 429 บริษัท พบว่า จากผลสำรวจแนวโน้มสถานการณ์การจ้างงาน ผลตอบแทน และสวัสดิการ ปี 2565-2566 พบว่า

– แผนการจ้างงานของผู้ประกอบการ 48% ที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 160 คน ได้กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโรคระบาด รวมถึงเทคโนโลยีการทำงานระยะไกลที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลต่อประเภทงานที่ว่าจ้างเช่นกัน

– บริษัทส่วนใหญ่ที่ร่วมทำแบบสำรวจจะจ้างงานพนักงานแบบเต็มเวลา และมีเพียง 1 ใน 5 บริษัทเท่านั้นที่เลิกจ้างพนักงานอย่างน้อยหนึ่งคน

– ช่วงหกเดือนที่ผ่านมา สายงานที่ต้องเผชิญกับการถูกเลิกจ้างในช่วงก่อนหน้านี้ กำลังกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง ซึ่งล้วนเป็นสายงานที่ผู้ประกอบการมักนิยมจ้างงานแบบเต็มเวลา เช่น สายงานบัญชี การบริหารผลิตภัณฑ์ ธุรการและทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยีสารสนเทศ และการบริการลูกค้า

– ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่างานที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้าเป็นสายงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเทคโนโลยีการทำงานระยะไกลและวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่น โดยภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ตำแหน่งงานส่วนใหญ่ในสายงานนี้จะได้รับการว่าจ้างแบบพนักงานชั่วคราว

– บริษัทขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะจ้างงานพนักงานประจำแบบเต็มเวลาเพิ่มในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะสายงานการขาย การพัฒนาธุรกิจ การบริหารผลิตภัณฑ์ และไอที อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจเล็งเห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจ คือ บริษัทอย่างน้อย 3 ใน 5 บริษัท วางแผนเพิ่มแรงงานด้วยการคงจำนวนพนักงานชั่วคราว และปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงทำงานของพนักงานเหล่านี้แทน โดยแนวโน้มดังกล่าวส่งสัญญาณว่าบริษัทขนาดเล็กส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดขายและอุปสงค์จะเพิ่มขึ้น

– มีบริษัทเพียง 4% เท่านั้นที่วางแผนลดจำนวนพนักงานชั่วคราว โดยพนักงานชั่วคราวส่วนใหญ่ถูกจ้างงานในสายงานการผลิต การบริการลูกค้า และฝ่ายธุรการและทรัพยากรบุคคล เป็น 3 อันดับสูงสุด

ปัจจัยดึงดูดคนเก่ง

“ดวงพร” กล่าวด้วยว่า แม้ว่าการจ้างงานจากบริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะการจ้างงานพนักงานชั่วคราวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การแข่งขันเพื่อดึงดูดคนที่มีความสามารถยังคงสูง องค์กรที่ทำแบบสำรวจเชื่อว่า นอกเหนือจากเงินเดือนแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าตอบแทน สวัสดิการ และวันหยุดพิเศษก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดคนที่มีความสามารถ

“โดย 8 ใน 10 บริษัทให้โบนัสตามผลงาน โบนัสการันตี หรือโบนัสตามสัญญา โดยบริษัทขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะให้โบนัสอย่างน้อยหนึ่งประเภท นอกจากโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนแล้ว การเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดพนักงาน ในปัจจุบันมีพนักงานไทยที่ได้รับวันหยุดเพื่อฉลองวันเกิดเพียง 16% เท่านั้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไป อีก 25% บริษัทที่ทำแบบสำรวจยังระบุด้วยว่าสวัสดิการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมค่าที่พักและเงินกู้ จะปรับเพิ่มขึ้น 2-3% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า”