คิง เพาเวอร์ ผนึก ม.มหิดล และ 6 ค่ายเพลงชั้นนำ เปิดเวทีประกวด “THE POWER BAND 2023” Season 3 ค้นหาสุดยอดวงดนตรีรุ่นใหม่ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 1,500,000 บาท
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทย อย่าง MuzikMove, LOVEiS Entertainment, Small Room, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
พร้อมด้วย โรงเรียนดนตรียามาฮ่า, GuitarMAG และ T-POP เปิด “THE POWER BAND 2023 Season 3” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพ เพื่อค้นหาสุดยอดวงดนตรีรุ่นใหม่ที่มีแรงบันดาลใจและพลังสร้างสรรค์ทางดนตรีอันโดดเด่น ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,500,000 บาท
ภายในงานมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจาก วง Jazz Passion ผู้ชนะเลิศ The Power Band 2022, Serious Bacon และ Tattoo Colour ที่มาร่วมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจ
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า การประกวด THE POWER BAND 2023 Season 3 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายเพื่อเปิดเวทีประกวดดนตรีที่ดี มีคุณภาพ และได้มาตราฐานระดับสากล มุ่งให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้เข้าร่วมประกวด
ไม่เพียงแต่มอบโอกาสให้มีพื้นที่ในการแสดงออกเท่านั้น แต่ยังเพิ่มพูนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ และการใช้ชีวิตเพื่อก้าวสู่การเป็นคนดนตรีมืออาชีพอย่างมีคุณภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “It’s Possible Music Makes Life Possible” พลังแห่งดนตรี พลังแห่งทุกความเป็นไปได้
โดยเชื่อว่านักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไปที่ได้ผ่านเวที THE POWER BAND จะได้รับประสบการณ์และความรู้ที่จะสามารถนำไปพัฒนาศักยภาพ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า การแข่งขันในซีซั่นนี้เราทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้มากขึ้นตามคอนเซ็ปต์ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันรวมทีมต่างโรงเรียนกันได้ สะท้อนให้เห็นว่าความร่วมมือไม่จำเป็นต้องอยู่ในองค์กรเดียวกัน ขอแค่นักเรียนนักศึกษามีเพื่อนที่อยากเล่นดนตรีด้วยกันก็มาสมัครได้ ด้วยความมุ่งหวังว่าจะพัฒนาเด็ก ๆ เหล่านั้นให้ไปถึงเวทีระดับนานาชาติ
โดยมีรอบออดิชั่นทั้งหมด 5 สนาม ได้แก่ ขอนแก่น, เชียงใหม่, สงขลา, นครปฐม (ศาลายา) และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงในโอกาสในการประกวดครั้งนี้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ด้วยกัน ได้แก่ “Class A” การประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม รุ่นมัธยมศึกษา และ “Class B” การประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม รุ่นบุคคลทั่วไป
สำหรับการตัดสิน ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการที่มีประสบการณ์ และ 6 ค่ายเพลงที่จะร่วมเฟ้นหานักดนตรีหน้าใหม่เพื่อก้าวไปเป็นศิลปินประดับในวงการดนตรีของไทยในอนาคต โดยพิจารณาจากสไตล์การร้อง การเรียบเรียงองค์ประกอบของดนตรี ความเข้าใจทฤษฎีดนตรี ทักษะการเล่นเครื่องดนตรี ความสมบูรณ์ของการเล่น และที่สำคัญที่สุดคือการเล่นเป็น Teamwork
ด้าน คุณคชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และ Zircle Muzik กล่าวว่า การที่ได้เล่นดนตรีกับเพื่อนนั้น ประสบการณ์ตอนซ้อมจะเป็นสิ่งแรกที่ได้เจอ จากนั้นในระดับแข่งขัน จะได้มาพบกับอุปกรณ์มืออาชีพอย่างที่ศิลปินใช้
ปัญหาเฉพาะหน้าหรืออุปสรรคต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้เจอ ซึ่งเหมือนกับตอนเป็นศิลปินจริง ๆ เวทีนี้จะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ และดนตรีจะพาให้เจอความเป็นไปได้ ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
การได้มาเล่นดนตรีให้คนฟังบนเวทีเป็นสิ่งพิเศษที่สุด ซึ่งน่าภาคภูมิใจมากเมื่อได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชม ตรงนี้ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ดังนั้น จึงไม่อยากให้ทุกคนทิ้งโอกาสนี้ แม้ไม่รู้จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ถือว่าได้เริ่มออกเดินแล้ว
นอกจากนี้ วง “Jazz Passion” ผู้ชนะเลิศ The Power Band 2022 กล่าวถึงความเข้มข้นของการแข่งขันว่า การซ้อมดนตรีเพื่อแข่งขันต้องซ้อมทุกวัน ซึ่งค่อนข้างหนัก แต่ทำให้ได้ประสบการณ์ดนตรีที่ดี ทั้งมิตรภาพ และความสนุกบนเวที
ส่วนบรรยากาศการแข่งขันนั้น จะมีความแตกต่างกันในรุ่นมัธยมและบุคคลทั่วไป โดย Jazz Passion เคยเข้าร่วมมาแล้วทั้ง 2 รุ่น เนื่องจากประกวดมาถึง 2 ปี ซึ่งประเภทบุคคลทั่วไปมีความยากกว่า ทำให้วงต้องงัดทุกอย่างที่มีออกมาแสดง
ฝากถึงน้อง ๆ ที่จะมาประกวนในปีนี้ การซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ากำลังเรียนอยู่ ก็ต้องโฟกัสเรื่องเรียนไปด้วย เพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด สภาพจิตใจต้องแน่วแน่และต้องมีความอดทนเป็นอย่างสูง เพื่อความภูมิใจในภายหลัง
รายละเอียดในการร่วมแข่งขัน
THE POWER BAND 2023 Season 3 เป็นการประกวดวงดนตรีสากล 5 สนามทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง โดยแบ่งการประกวด ออกเป็น 2 รุ่น คือ Class A รุ่นมัธยมศึกษา และ Class B รุ่นบุคคลทั่วไป เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 4 สิงหาคม 2566
การสมัคร ทำโดยส่งวีดีโอการแสดงสดของวงทั้งหมดจำนวน 2 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง ทั้งนี้วงสามารถบรรเลงตามต้นฉบับ หรือเรียบเรียงดนตรีใหม่ได้ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://www.music.mahidol.ac.th/thepowerband/#openModal
ประกาศผู้ชนะในแต่ะสนามทั่วประเทศภายในช่วงเดือน สิงหาคม 2566 และเข้าสู่ THE POWER BAND MUSIC CAMP 3 วัน 2 คืน ช่วงต้นเดือนกันยายน โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในวันที่ 21-22 กันยายน 2566 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพมหานคร
Class A การประกวดวงดนตรีสากล รุ่นมัธยมศึกษา
คุณสมบัติของผู้เข้าประกวด
- ต้องกำลังศึกษาไม่เกินระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า และอายุไม่เกิน 19 ปีบริบูรณ์ โดยจะต้องเกิดตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2547 เป็นต้นไป
- สมาชิกของวงสามารถมาจากสถาบันเดียวกัน หรือต่างสถาบันก็ได้
- ต้องมีหลักฐานสถานะการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าที่ไม่หมดอายุ และต้องมีผู้ลงนามรับรอง
- ผู้ลงนามรับรองสถานะการศึกษาต้องมาจากสถาบันที่มีการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.), สถาบันเอกชน หรือสถาบัน/โรงเรียนนอกระบบที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
- สามารถเข้าประกวดในสังกัดอิสระ หรือสังกัดสถาบันการศึกษาใดก็ได้
- (กรณีส่งในนามสถาบันสมาชิกต้องมาจากสถาบันเดียวกันเท่านั้น อาทิ จากโรงเรียนเดียวกัน หรือสถาบัน/โรงเรียนนอกระบบเดียวกัน)
- ไม่จำกัดสัญชาติ
- ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องไม่อยู่ภายใต้สัญญากับสังกัดค่ายเพลงใด ๆ
- ทุกวงต้องมีสมาชิก 3-12 คน
- ทุกวงต้องมีสมาชิกในตำแหน่งนักร้องอย่างน้อย 1 คน (นักร้องสามารถเป็นคนเดียวกับนักดนตรีได้)
Class A รอบคัดเลือก (ในรูปแบบวีดีโอการบันทึกการแสดง)
- ส่งวีดีโอการแสดงสดของวงทั้งหมด 2 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง (ตามเอกสารแนบ ก) ทั้งนี้วงสามารถบรรเลงตามต้นฉบับ หรือเรียบเรียงดนตรีใหม่ได้
- วีดีโอจะต้องบันทึกให้เห็นผู้เข้าประกวดทุกคนที่ปรากฏชื่อในแบบฟอร์มการสมัครขณะแสดงสดทั้ง 2 บทเพลง โดยไม่มีการตัดต่อภาพและเสียง ต้องมีความชัดเจนตามสมควรที่คณะกรรมการสามารถพิจารณาตัดสินได้
- แต่ละบทเพลงต้องมีความยาวไม่เกิน 6 นาที
- อัปโหลดไฟล์วีดีโอ ขึ้นบน YouTube ในขั้นตอนการอัปโหลดต้องตั้งค่าวีดีโอให้เป็น Unlisted เท่านั้น และระบุลิงค์ที่อยู่ URL มาในแบบฟอร์มรับสมัคร (Google Form)
Class A รอบคัดเลือก Zoning (รอบแสดงสด)
- เรียบเรียงดนตรีใหม่จำนวน 2 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง
- ใช้เวลาในการติดตั้งอุปกรณ์และทำการทดสอบระบบเสียงไม่เกินวงละ 8 นาที
- ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมด ไม่เกินวงละ 12 นาที
Class A รอบชิงชนะเลิศ (รอบแสดงสด)
บทเพลงที่ใช้ในการประกวด 2 บทเพลงได้แก่
- เรียบเรียงดนตรีใหม่จำนวน 1 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง
- เรียบเรียงดนตรีใหม่จำนวน 1 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 10 บทเพลง
- ใช้เวลาในการติดตั้งอุปกรณ์และทำการทดสอบระบบเสียงไม่เกินวงละ 8 นาที
- ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมด ไม่เกินวงละ 12 นาที
ข้อกำหนดการใช้เครื่องดนตรี
- การประกวดในทุกขั้นตอนไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ Sequencer, Computer Data หรือดนตรีสำเร็จ ที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า กรณีใช้ MIDI Controller เรียกเสียง Sample จากคอมพิวเตอร์ต้องไม่มีการกด Playback เด็ดขาด
- ต้องใช้กลองชุด แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส แอมป์คีย์บอร์ด ที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น และไม่อนุญาต ให้เคลื่อนย้ายตำแหน่งอุปกรณ์
- มือกลองสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ส่วนตัวได้ เช่น Snare, Hihat, Ride, Cymbal, Bass Drum Pedal และ เก้าอี้กลอง
รางวัลการประกวด Class A
- รางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 150,000 บาท
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 80,000 บาท
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 50,000 บาท
- รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 20,000 บาท
- รางวัล Best Creative Award 1 รางวัล ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 20,000 บาท
- รางวัล Outstanding 5 รางวัล คัดเลือกจากผู้เข้าสมัครทั้งหมดของทั้ง 2 Class รางวัลละ 30,000 บาท
Class B การประกวดวงดนตรีสากล รุ่นบุคคลทั่วไป
คุณสมบัติของผู้เข้าประกวด
- ไม่จำกัดอายุและสัญชาติ
- ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องไม่อยู่ภายใต้สัญญากับสังกัดค่ายเพลงใดๆ
- ทุกวงต้องมีสมาชิก 3-12 คน
- ทุกวงต้องมีสมาชิกในตำแหน่งนักร้องอย่างน้อย 1 คน (นักร้องสามารถเป็นคนเดียวกับนักดนตรีได้)
Class B รอบคัดเลือก (ในรูปแบบวีดีโอการบันทึกการแสดง)
- ส่งวีดีโอการแสดงสดของวงทั้งหมด 2 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง (ตามเอกสารแนบ ก) ทั้งนี้วงสามารถบรรเลงตามต้นฉบับ หรือเรียบเรียงดนตรีใหม่ได้
- วีดีโอจะต้องบันทึกให้เห็นผู้เข้าประกวดทุกคนที่ปรากฏชื่อในแบบฟอร์มการสมัครขณะแสดงสดทั้ง 2 บทเพลง โดยไม่มีการตัดต่อภาพและเสียง ต้องมีความชัดเจนตามสมควรที่คณะกรรมการสามารถพิจารณาตัดสินได้
- แต่ละบทเพลงต้องมีความยาวไม่เกิน 6 นาที
- อัพโหลดไฟล์วีดีโอ ขึ้นบน Youtube ในขั้นตอนการอัพโหลดต้องตั้งค่าวีดีโอให้เป็น Unlisted เท่านั้น และระบุลิงค์ที่อยู่ URL มาในแบบฟอร์มรับสมัคร (Google Form)
Class B รอบคัดเลือก Zoning (รอบแสดงสด)
- เรียบเรียงดนตรีใหม่จำนวน 2 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 100 บทเพลง
- ใช้เวลาในการติดตั้งอุปกรณ์และทำการทดสอบระบบเสียงไม่เกินวงละ 8 นาที
- ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมด ไม่เกินวงละ 12 นาที
Class B รอบชิงชนะเลิศ (แสดงสด)
บทเพลงบังคับ 2 บทเพลงได้แก่
- เรียบเรียงดนตรีใหม่จำนวน 1 บทเพลง โดยเลือกจากบทเพลงที่กำหนดให้ 10 บทเพลง
- บทเพลงแต่งขึ้นใหม่ 1 บทเพลง (ต้องเป็นเพลงที่ไม่ติดสัญญากับต้นสังกัดหรือการประกวดใดๆ และไม่เคยเผยแพร่สู่สาธารณะมาก่อน)
- บทเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ ต้องส่งสำเนาเนื้อเพลง/คอร์ดเพลง เป็นอย่างน้อย หรือส่งการเรียบเรียงดนตรีอื่นใดเพิ่มเติมได้
- ใช้เวลาในการติดตั้งอุปกรณ์และทำการทดสอบระบบเสียงไม่เกินวงละ 8 นาที
- ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมด ไม่เกินวงละ 12 นาที
ข้อกำหนดการใช้เครื่องดนตรี
- การประกวดในทุกขั้นตอนไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ Sequencer, Computer Data หรือดนตรีสำเร็จ ที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า กรณีใช้ MIDI Controller เรียกเสียง Sample จากคอมพิวเตอร์ต้องไม่มีการกด Playback เด็ดขาด
- ต้องใช้กลองชุด แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส แอมป์คีย์บอร์ด ที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น และไม่อนุญาต ให้เคลื่อนย้ายตำแหน่งอุปกรณ์
- มือกลองสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ส่วนตัวได้ เช่น Snare, Hihat, Ride, Cymbal, Bass Drum Pedal และ เก้าอี้กลอง
รางวัลการประกวด Class B
- รางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 150,000 บาท
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 80,000 บาท
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 50,000 บาท
- รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 20,000 บาท
- รางวัล Best Creative Award 1 รางวัล ถ้วยรางวัล และ เงินรางวัล 20,000 บาท
- รางวัล Outstanding 5 รางวัล คัดเลือกจากผู้เข้าสมัครทั้งหมดของทั้ง 2 Class รางวัลละ 30,000 บาท
กำหนดการ
สนามที่ 1 กรุงเทพฯ (Class A และ Class B)
- เปิดรับสมัคร (Class A และ Class B) 13 กุมภาพันธ์ – 5 พฤษภาคม 2566
- ประกาศผลรอบคัดเลือก (รอบ VDO) 15 พฤษภาคม 2566
- การประกวดรอบแสดงสด 27 พฤษภาคม 2566
สนามที่ 2 จังหวัดขอนแก่น (Class A และ Class B)
- เปิดรับสมัคร (Class A และ Class B) 1 เมษายน – 26 พฤษภาคม 2566
- ประกาศผลรอบคัดเลือก (รอบ VDO) 5 มิถุนายน 2566
- การประกวดรอบแสดงสด 17 มิถุนายน 2566
สนามที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ (Class A และ Class B)
- เปิดรับสมัคร (Class A และ Class B) 1 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2566
- ประกาศผลรอบคัดเลือก (รอบ VDO) 26 มิถุนายน 2566
- การประกวดรอบแสดงสด 8 กรกฎาคม 2566
สนามที่ 4 จังหวัดสงขลา (Class A และ Class B)
- เปิดรับสมัคร (Class A และ Class B) 1 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม 2566
- ประกาศผลรอบคัดเลือก (รอบ VDO) 24 กรกฎาคม 2566
- การประกวดรอบแสดงสด 5 สิงหาคม 2566
สนามที่ 5 จังหวัดนครปฐม (Class A, Class B)
- เปิดรับสมัคร (Class A, Class B) 1 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2566
- ประกาศผลรอบคัดเลือก (รอบ VDO) 14 สิงหาคม 2566
- การประกวดรอบแสดงสด (Class A และ Class B) 26 สิงหาคม 2566
รอบชิงชนะเลิศ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพมหานคร
- การประกวดรอบชิงชนะเลิศ (Class A) วันที่ 21 กันยายน 2566
- การประกวดรอบชิงชนะเลิศ (Class B ) วันที่ 22 กันยายน 2566
