ตึก สตง.ถล่มต้องทำความจริงให้ปรากฏ

s t a
บทบรรณาธิการ

โศกนาฏกรรม อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มภายในเวลาแค่ 8 วินาที หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นอกจากจะคร่าชีวิตคนงานไปแล้วกว่า 44 คน และยังสูญหายอีก 50 คนแล้ว กำลังถูกตั้งคำถามจากสาธารณชนในข้อที่ว่า ทำไมอาคารสูง 30 ชั้นที่กำลังก่อสร้างแห่งนี้เป็นเพียงอาคารเดียวที่พังถล่มลงมาในระหว่างเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังผ่านมาได้ 23 วันกับผลการตรวจสอบสาเหตุอย่างไม่เป็นทางการจาก คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง. และความเห็นนักวิชาการที่ติดตามเหตุการณ์ตึกถล่มเบื้องต้นพบว่า

อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งนี้เป็น อาคารตึกสูงพิเศษภายใต้ กม.ควบคุมอาคาร มีบริษัทผู้ออกแบบอาคาร 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค กับบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) ได้รับการว่าจ้างในวงเงิน 73 ล้านบาทในปี 2561

ส่วนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารได้ กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) เป็นผู้ชนะจากการประกวดราคาด้วยการเสนอราคาต่ำสุดในวงเงิน 2,136 ล้านบาท เริ่มทำการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2564-31 ธ.ค. 2566 มีการเบิกจ่ายค่างวดไปแล้วรวม 22 งวด คิดเป็นเงิน 966.80 ล้านบาท

ส่วนบริษัทผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ได้จัดหาด้วยวิธีคัดเลือกเป็น กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์-บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์-บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์) ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท ที่น่าสนใจและก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จนเป็น 1 ในข้อสงสัยก็คือ ในระหว่างการก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง.แห่งนี้ ปรากฏมีการปรับแก้แบบในส่วนที่เป็นสาระสำคัญของอาคาร คือ จุดแกนกลางของลิฟต์ (Core Lift) โดยวุฒิวิศวกรเป็นผู้รับรองด้วย โดยมีคำอธิบายตามมาว่า การพังถล่มลงมาของอาคารแห่งนี้เป็นการถล่มแบบ Pancake หรือพังถล่มซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ แต่ปล่องลิฟต์ ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดของอาคารก็พังถล่มลงมาด้วย

ตามมาด้วยข้อสันนิษฐานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ การแก้แบบ การก่อสร้าง และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล็ก ที่อาจเป็นสาเหตุผสมผสานกันจนทำให้ อาคารตรวจเงินแผ่นดิน พังถล่มลงมาได้ จนคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นกับโครงการนี้ จึงสมควรที่ คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่ได้รับการขยายระยะเวลาการสอบสวนออกไปอีก 90 วัน จะต้องพิจารณาลงไปในรายละเอียดทั้งหลักเกณฑ์การคัดเลือกภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ สัญญาการจ้างงาน การอนุมัติการออกแบบ/แก้แบบ การรับรองโดยบุคคลวิชาชีพ การควบคุมงานก่อสร้าง และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เป็นไปตามหลักวิศวกรรมศาสตร์และมาตรฐานโดยปราศจากข้อสงสัย