
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่ม จากอุปทานในตลาดที่ยังคงตึงตัว
วันที่ 14 มิถุนายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากภาวะอุปทานตึงตัวในตลาด อันเนื่องมาจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง เนื่องจากบางประเทศประสบปัญหาการผลิต นอกจากนี้ การที่สหภาพยุโรป (EU) แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียจะยิ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัวมากขึ้น
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 13 มิ.ย. อยู่ที่ 120.93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.26 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 122.27 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.26 เหรียญสหรัฐ
ปริมาณน้ำมันยังคงตึงตัวในตลาด โดยได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสยังคงไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง เนื่องจากบางประเทศประสบปัญหาการผลิต ในขณะที่ผู้ค้ากำลังจับตาอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อพิพาทแรงงานในลิเบีย นอร์เวย์ และเกาหลีใต้ ต่อการส่งออกและการบริโภคน้ำมัน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มอุปทานในตะวันตก ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก วางแผนที่จะเปลี่ยนเส้นทางน้ำมันดิบบางส่วนจากจีนไปยังยุโรปในเดือนกรกฎาคม
ตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการที่กรุงปักกิ่งประกาศล็อกดาวน์เขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรมากที่สุดของปักกิ่ง และสั่งปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้คาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากจีนคาดจะเพิ่มการส่งออกมากขึ้น หลังมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในอียิปต์
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากไต้หวัน ขณะที่อุปสงค์จากเวียดนามมีแนวโน้มทรงตัวหลังรัฐบาลลดภาษีการนำเข้าเพื่อชะลอผลกระทบของราคาที่สูงขึ้น