ทองคำ…อาจเห็นจุดต่ำสุดของปี ในช่วงไตรมาสที่ 2

ทองคำ
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ต่อเนื่องจากบทความเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผมได้เตือนท่านนักลงทุนผ่านข้อมูลเชิงสถิติว่า โอกาสที่ราคาทองคำจะขึ้นต่อมีน้อยลง จึงมีหลายท่านสนใจใคร่จะทราบว่า ถ้าหากราคาทองคำเกิดการย่อลงปรับฐานตามที่ผมว่าไว้จริง การปรับฐานที่ว่าจะย่อลงไปได้ลึกมากน้อยขนาดไหน และจะกินระยะเวลานานเท่าไร ราคาจึงจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

ประจวบเหมาะกับเดือนนี้นับว่าครบรอบ 15 ปีพอดี ที่ราคาทองคำสามารถวิ่งขึ้นพ้นระดับ 1,000 ดอลลาร์ ได้เป็นครั้งแรก วันนี้ผมจึงนำข้อมูลทางสถิติอีกชุดหนึ่งมาให้ท่านนักลงทุนได้พิจารณาเพื่อตอบสองข้อซักถามข้างต้น โดยผมเลือกใช้ข้อมูลตัวเลขราคาทองคำ spot ย้อนหลัง 15 ปี

ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดในแต่ละรอบของการปรับขึ้นอยู่เหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์ และเป็นช่วงที่พวกเราได้เห็นการสวิงระยะสั้นขึ้นลงรอบละอย่างน้อย 100 ดอลลาร์ เป็นเรื่องปกติ ผมจึงเชื่อว่าน่าจะพอใช้เทียบเคียงสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงไม่เกิน 2,000 ดอลลาร์ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับตารางที่หยิบยกมานี้ ผมอ้างอิงแต่ละยอดของราคาทองคำเฉพาะช่วงที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็นระหว่างปี 2008-2011 และ 2016-2022 เพื่อให้เห็นว่าการลดระดับลงของราคาเป็นไปเพื่อการปรับฐานก่อนการปรับขึ้นทำจุดสูงใหม่ในครั้งต่อไป ไม่ใช่การรีบาวนด์ขึ้นเพื่อย่อลงต่ำกว่าเดิม

จากข้อมูลในตาราง เราจะเห็นว่า การทิ้งตัวลงระลอกแรกและการทิ้งตัวลงแบบครั้งเดียวจบ จุดต่ำสุดของรอบจะลดลงจากจุดสูงสุดของรอบนั้น ๆ ตั้งแต่ 5.3-15.0% ซึ่งมักกินเวลาสั้น ๆ ระหว่าง 0-3 เดือน โดยมีเพียงครั้งเดียวที่ราคาทองคำใช้เวลาปรับฐานนานกว่า 4 เดือน

ตาราง ราคาทองคำ

ส่วนการปรับฐานแบบแกว่งออกข้าง ราคาจะลดลงในขยักแรก 6.3-20.2% และจะจบรอบการลงที่ 7.0-21.2% จากจุดสูงสุดของรอบการขึ้น โดยจะใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน ขณะที่การปรับฐานแบบซิกแซ็กลงต่อเนื่อง ราคาจะทรุดลงระลอกแรกในระดับ 8.7-18.1% และจะทรุดลงอีกครั้งหลังการรีบาวนด์แล้ว โดยจุดต่ำสุดของขาลงดังกล่าวจะอยู่ระหว่าง 18.3-34.0% และการดิ่งลงจะกินเวลายาวนาน 5-8 เดือน

ด้วยสมมุติฐานที่ผมเคยอธิบายไว้ในทั้งสองบทความก่อนหน้า ที่ว่าราคาทองคำหลังตรุษจีนมีโอกาสจะปรับฐานมากกว่าจะปรับขึ้น และด้วยราคาสูงสุดของเดือนมกราคมที่ 1,959.6 ดอลลาร์ ที่เมื่อเรามองผ่านกราฟราคาแล้วจะเห็นว่ามีโอกาสสูงมากที่จะเป็นจุดยอดสุดของขาขึ้นรอบนี้ แต่เนื่องจากเราไม่สามารถชี้ชัดไปได้ว่าการปรับฐานที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะนี้ จะเป็นไปในลักษณะใด

ดังนั้น ผมจึงใช้ค่าเฉลี่ยจากทั้ง 3 รูปแบบการปรับฐาน มาคำนวณระดับราคาที่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบการลงนี้ ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ ราคามีโอกาสจะทำจุดต่ำสุด (bottom out) ที่ 1,700-1,750 ดอลลาร์ ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน หรือก็คือ เราอาจจะได้เห็นราคาทองคำลงไปแตะจุดต่ำสุดแถว 1,700 ดอลลาร์ ในเดือนเมษายน นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ดี สถิติคือเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน ทว่า สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ไม่มีใครที่สามารถระบุถึงความแน่นอนใด ๆ ได้ การซ้ำรอยอดีตอาจเป็นเพียงความบังเอิญภายใต้ความน่าจะเป็นก็ได้ ฉะนั้นแล้ว การอยู่กับปัจจุบัน และพลิกแพลงไปตามสภาพการณ์ จึงสำคัญกว่าการยึดติดอยู่กับตัวเลขทางสถิติในอดีต และจะช่วยให้เราไม่เสียโอกาสในการลงทุนด้วย

ส่วนทิศทางราคาทองคำจะเป็นเช่นไรต่อไปนั้น ผมจะมาอัพเดตมุมมองความคิดของผมให้ท่านนักลงทุนได้ทราบกันเป็นระยะ ๆ ต่อไปครับ