นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจปี 62 ว่าจากเศรษฐกิจไทยปี 62 ที่ประเมินว่าจะเติบโตอยู่ที่ 4.1% ธนาคารจึงคาดว่าเงินให้สินเชื่อจะเติบโตในทุกกลุ่มธุกิจ โดยจะโตในระดับ 6-8% ประกอบด้วยสินเชื่อรายใหญ่คาดว่าจะโตที่ 5-6% สินเชื่อ SME 3-5% สินเชื่อรายย่อย 8-10% โดยแยกเป็นสินเชื่อบ้าน 7-8% ซึ่งมาตรการกำกับดูแลการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของ ธปท. จะส่งผลให้สินเชื่อใหม่ของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ลดลงประมาณ 10% ในขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตคาดว่าจะโต 7-8% และสินเชื่อรถยนต์ 8-10%
นอกจากนี้ ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 3.4-3.6% และการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ประมาณ 3-5% อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะรักษาระดับให้ต่ำกว่า 2.5% และตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอยู่ที่ 1.4-1.5%
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ทั้งนี้ ในปีนี้ธนาคารมุ่งมั่นในการดำเนินการด้าน Transformation ทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital Lending) การปรับเปลี่ยนรูปแบบสาขา (Branch Transformation) และการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที โดยงบลงทุนด้านไอทีจะอยู่ที่ 7,500-8,500 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ดำเนินการทั้งระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน
“ด้านการปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัลในช่วงแรกจะเน้นลูกค้าธนาคารจากแอพพลิเคชั่น KMA ก่อน แต่อนาคตถ้าจะสามารถปล่อยสินเชื่อผ่านฐานที่เยอะขึ้นได้ เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจำกัดเรื่องการยืนยันตัวตน (E-KYC) อยู่ ในขณะที่ส่วนของแอพพลิเคชั่น KMA ปีนี้ตั้งเป้าผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5 ล้านราย จากปีก่อนที่ 2.5 ล้านราย” นายโกโตะ กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้จุดแข็งจากฐานลูกค้า JPC/MNC เพื่อนำธุรกิจใหม่ๆ มาสู่ธนาคารในลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ทั้งยังนำเสนอบริการทางการเงินแบบครบวงจรและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียม (Fee-based business) สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ และขยายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องด้วยการมุ่งเน้นที่บริการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนให้กับลูกค้าธุรกิจ SME
“เรื่องขยายธุรกิจไปต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่สนใจ โดยมองที่กลุ่มประเทศ CLMV และประเทศที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรของ MUFG อย่างฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย” นายโกโตะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งในส่วนของธนาคารเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากจะพิจารณาจากสภาพตลาดและสภาพลูกค้า เนื่องจากยังเห็นภาพของผู้ประกอบการ SME ที่ยังลำบากอยู่
