แนวโน้มตลาดหุ้น และหุ้นแนะนำประจำเดือน ก.ค.

คอลัมน์ เติมความคิดพิชิตการลงทุน

โดย เอกภาวิน สุทราภิชาติ บล.ไทยพาณิชย์

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน SET ในเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นกว่า 6% จากเดือนก่อน ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.67 หมื่นล้านบาทในเดือน มิ.ย. ด้วยปัจจัยหนุนบรรดาธนาคารกลางสำคัญของโลกอย่างสหรัฐ (Fed), ยุโรป (ECB) และญี่ปุ่น (BoJ) ส่งสัญญาณนโยบายการเงินไปในทิศทางเดียวกัน คือ พร้อมใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อพยุงเศรษฐกิจอันมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ

ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีความโดดเด่นจากกลุ่มการเมืองที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายได้จัดตั้งรัฐบาล โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย และคาดว่าจะได้

รายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ก.ค. สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและภาคธุรกิจ ทั้งนี้ จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นปัจจัยหนุนหลักให้ตลาดหุ้นในเดือน มิ.ย. ปรับขึ้นอย่างโดดเด่น

มาถึงคอลัมน์ประจำเดือนนี้ที่ผมประเมินแนวโน้มตลาดในเดือน ก.ค. และคาดว่าตลาดหุ้นบ้านเรายังสามารถปรับขึ้นได้ต่อ ด้วยปัจจัยหนุนทั้งจากภายนอก และภายในประเทศ ได้แก่

1) สหรัฐ และจีน กลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง หลังการพบกันระหว่างทรัมป์ และสี จิ้นผิง จะหยุดการปรับขึ้นภาษีระหว่างกัน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังอนุญาตให้บริษัทสหรัฐทำธุรกิจกับหัวเว่ยได้ ส่วนจีนจะสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

2) กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน บรรลุข้อตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตจนถึง มี.ค. 2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนดัชนีได้ผ่านหุ้นกลุ่มพลังงาน

3) ปัจจัยภายในที่โดดเด่น โดยนายกฯประยุทธ์คาดว่าจะสามารถตั้ง ครม.ได้ในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนั้นจะได้เห็นนโยบายในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่คาดว่าจะสามารถทำได้เลย คือ นโยบายเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภค หรือกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งผมมองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดได้ ส่งผลให้ปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวมา จะหนุนให้ SET ในเดือน ก.ค.นี้ ปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,750-1,760 และ 1,780 จุดตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,730 และ 1,717 จุด

ซึ่งคาดว่ายังเป็นจุดรองรับ สำหรับการพักตัวสลับระหว่างทาง ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน คือ ซื้อและถือ

หุ้นน่าสนใจประจำเดือน ก.ค. ผมจัดพอร์ตหุ้น ซึ่งเป็นส่วนผสมของหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่

1) CHG ซึ่งคาดว่ากำไรจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นในครึ่งปีหลัง และจะเติบโต 20%ในปี 2563 จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและผลขาดทุนที่ลดลงของโรงพยาบาลเปิดใหม่

2) ROBINS ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยที่คาดว่าจะมีการออกนโยบายดังกล่าว หลังจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว

นอกจากนี้ คาดว่ากำไรจะเติบโตดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ด้วยแรงหนุนมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น และยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาที่จะกลับมามีอัตราเติบโตเป็นบวก ขณะที่รายได้ค่าเช่า

จะดีขึ้นจากการมีพื้นที่ให้เช่ามากขึ้นและส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้น

3) WHA ซึ่งจะได้ประโยชน์จากความต่อเนื่องของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดี 4) IVL ที่ได้ประโยชน์จากความตึงเครียดที่ลดลงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลของภาคธุรกิจและหนุนปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีให้ฟื้นตัวขึ้นได้

5) PTTEP ตามทิศทางที่ดีของราคาน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นได้ต่อด้วยปัจจัยหนุนการขยายมาตรการลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน และความตึงเครียดที่ลดลงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ลดความกังวลด้านอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน เป็นปัจจัยหนุนด้านอุปทาน ซึ่งการส่งออกน้ำมันของอิหร่านถูกจำกัด นอกจากนี้ บริษัทมีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี”62 ที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นตามราคาผลิตภัณฑ์ และปริมาณการขายที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่า

แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้าครับ…ด้วยรักและหวังดี