บริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง ปรับเป้าราคาหุ้น ‘ศรีตรังโกลฟ์’ สูงสุดถึง 111 บาท เหตุราคาขายเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส 5-10% คาดการณ์กำไรปี’63 เติบโตกว่า 500% อานิสงส์ยอดขายทะลักช่วงโควิด-19
ผู้สื่อข่าว ‘ประชาชาติธุรกิจ’ รายงานว่า บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือหุ้น STGT จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังการประชุมพบว่านักวิเคราะห์ในตลาดต่างปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่อีกครั้ง นำโดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเป้าหมาย 111.00 บาท บล.เอเซีย พลัส 90.00 บาท บล.เคทีบี (ประเทศไทย) 85.00 บาท บล.กสิกรไทย 85.00 บาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง 56.00 บาท และ บล.โนมูระ พัฒนสิน 43.00 บาท
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า การประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในเชิงบวก จากความต้องการใช้ถุงมือยางที่เติบโตมากจากการระบาดของโควิด-19 จนปัจจุบัน STGT มีคำสั่งซื้อถุงมือยางเต็มจนถึงงวดไตรมาส 3/64 แล้ว ทำให้ STGT และผู้ประกอบการถุงมือยางในมาเลเซียล้วนปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางขึ้นต่อเนื่องถึง 5-10% ต่อเดือน จากงวดไตรมาส 1/63 ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบน้ำยางข้นยังอยู่ในระดับต่ำ หนุนประสิทธิภาพการทำกำไรของ STGT จะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/63
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564 ขึ้น 42.3% และ 42.1% สะท้อนการปรับราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 2563-2564 ที่จะเพิ่มขึ้น 10.3% โดยภายหลังปรับเพิ่มประมาณการคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563-2564 จะเพิ่มขึ้นถึง 558.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 7.4% YoY จากแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางปี 2563-2564 ที่เพิ่มขึ้น 40.8% YoY และ 7.1% YoY ตามลำดับ
ขณะที่คาดการณ์ราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 2563 จะเพิ่มขึ้นถึง 26.3% YoY และทรงตัวสูงต่อเนื่องในปี 2564 ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 จะเติบโตชัดเจนทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก (QoQ) และ YoY จากการปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยาง และแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 1/63
“เราแนะนำ ‘ซื้อ’ ประเมินราคาเหมาะสมปี 2563 ของ STGT ใหม่เท่ากับ 90 บาท จากเดิม 45 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันมีมูลค่าที่น่าสนใจมาก มีค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (ค่า P/E) ปี 2563 ที่ 23 เท่า และราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 5 เท่า น่าสนใจกว่าหุ้นที่ผลิตถุงมือยางในมาเลเซียที่ซื้อขายบน P/E เฉลี่ย 35 เท่า” นายเอนกพงศ์ กล่าว