เปิด 5 ประเด็น คานปูนถล่ม ระหว่างรื้ออาคารศรีเฟื่องฟุ้ง กทม.สั่งระงับแล้ว

เหตุรื้อถอนอาคาร ศรีเฟื่องฟุ้ง

สมาคมวิศวกรเปิด 5 ประเด็น กรณีคานปูนถล่มระหว่างรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้ง ถ.พระราม 4 ด้าน กทม.สั่งระงับโครงการแล้ว ขอ 15 วันหาต้นตอเหตุที่เกิดขึ้น

จากกรณีเหตุชิ้นส่วนโครงสร้างหล่นใส่ถนนพระราม 4 ระหว่างการรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา จนรถยนต์ที่จอดบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายนั้น

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกรรมการสมาคม และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุการถล่มในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ธ.ค. 2567)

ศ.ดร.อมรเปิดเผยผลการตรวจสอบ พบว่าชิ้นส่วนที่หล่นลงมาเป็นชิ้นส่วนโครงสร้างอาคารที่กำลังรื้อถอน ไม่ใช่เครนหัก หรือน้ำหนักถ่วงเครนร่วงตามที่เข้าใจตอนแรก สำหรับชิ้นส่วนโครงสร้างที่ร่วงลงมาเป็นส่วนของเสาและคานขนาดใหญ่ ที่มีการตัดและยกโดยใช้เครน ปรากฏว่าสลิงของเครนเกิดการรูดขณะยก ทำให้ชิ้นส่วนดังกล่าวหลุดตกกระแทกพื้นชั้น 4 ก่อนแล้วค่อยตกลงมาบนถนนพระราม 4 ดังที่ปรากฏ

ศ.ดร.อมรกล่าวต่อว่า กำลังวิเคราะห์สาเหตุที่สลิงหลุดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยในขั้นต้นได้ตั้งสมมุติฐานไว้ 5 ประเด็นคือ

  1. การปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนการทำงาน (Method Statement) หรือไม่
  2. ระบบควบคุม ระบบเบรกสำรอง ของเครนทำงานถูกต้องหรือไม่ มีการดูแลรักษาอย่างไร
  3. น้ำหนักของชิ้นส่วนที่ใช้ยกเกินกำลังที่เครนจะยกได้หรือไม่
  4. องศาการยกของเครน ระยะปลายแขนยกของเครน เป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่
  5. สลิงยกน้ำหนักสมบูรณ์หรือไม่

ทั้งนี่ เป็นเพียงข้อสังเกตข้างต้น สาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ทั้งนี้ ในอนาคตจะต้องกำหนดให้มีมาตรการกันร่วงของชิ้นส่วน เช่น การใช้สลิงสำรองยึดกับโครงสร้างด้านใน กันเหตุฉุกเฉินหากสลิงของเครนหลักเกิดหลุด อย่างน้อยมีสลิงสำรองกันร่วง หรือการแบ่งย่อยชิ้นส่วนให้เล็กลง เพื่อไม่ให้ยกน้ำหนักมากเกินไป และต้องตรวจสอบเครนที่ใช้ รวมทั้งระบบเบรก ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ โดยให้ผู้เกี่ยวข้องไปจัดทำแผนทางวิศวกรรมเพื่อป้องกันเหตุในอนาคต

ADVERTISMENT

ชัชชาติสั่งระงับรื้อถอน ขอ 15 วันหาต้นตอ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย สำนักการโยธา สำนักงานเขต และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามกรณีเกิดเหตุวัสดุจากการรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้ง เขตบางรัก ร่วงหล่นลงถนนพระราม 4 เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค. 67)

ผู้ว่าฯชัชชาติเปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ว่า อาคารศรีเฟื่องฟุ้งมีควมสูง 12 ชั้น รวมชั้นลอยด้วยเป็น 14 ชั้น เป็นอาคารขนาดใหญ่ซึ่งได้รับการอนุญาตรื้อถอนจากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 67 ในวันเกิดเหตุเกิดจากเครนมีปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เครนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่กำลังยกอยู่หล่นลงมา เป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรเกิดขึ้น ต้องมีการทบทวนกระบวนการต่าง ๆ

ADVERTISMENT

และได้สั่งการให้สำนักการโยธาไปดูอาคารที่กำลังรื้อถอนอยู่ พร้อมทั้งได้มีการสั่งให้หยุดรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้งเป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริง และหาทางป้องกันต่อ สำหรับเหตุลักษณะนี้ไม่ควรเกิด เพราะทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ

“คิดว่าปัญหาจากการรื้อถอนอาคารจริง ๆ มี 3 เรื่องคือ 1.เรื่องเสียงและฝุ่นที่เกิดจากการรื้อถอน 2.ผลกระทบเรื่องการระบายน้ำ เพราะมีเศษหินเศษปูนตกลงไปในท่อระบายน้ำ 3.เรื่องความปลอดภัย เป็นหน้าที่ที่ต้องไปดูจุดที่เหมาะสม อาจมีผลกระทบบ้าง แต่ต้องมีการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ข้างเคียง เป็นไปตามความเหมาะสม ซึ่งต้องหารือกัน แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต กทม.ต้องไปปรับปรุงกระบวนการและกำชับให้เข้มข้นขึ้น” ผู้ว่าฯชัขขาติกล่าวเพิ่มเติม

นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นคาดการณ์สาเหตุไว้ 2 เรื่องหลักคือ 1.การทำงานเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่ 2.เป็นความบกพร่องหรือเป็นความเสียหายจากอุปกรณ์ยกที่เป็นตัวเครนนี้หรือไม่ เพราะหากไฟฟ้าลัดวงจรควรมีระบบเบรกเกอร์หรือเซฟตี้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ต้องใช้เวลาประมาณ 15 วัน จึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริงได้

เกิดอะไรขึ้น เหตุคานปูนถล่ม

สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ศูนย์วิทยุพระราม 199 โพสต์แจ้งเหตุเมื่อเวลา 16.23 น. เกิดเหตุเครนร่วงหล่นลงบนพื้นการจราจร ของอาคารศรีเฟื่องฟุ้ง (แก้ไขจากก่อนถึงอาคารอื้อจือเหลียง) ถนนพระรามที่ 4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางรักถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นแท่งคอนกรีต ใช้สำหรับถ่วงเครนได้ร่วงลงมาทับรถยนต์และสายไฟฟ้า

เจ้าหน้าที่ของบริษัทเครนได้เคลื่อนย้ายแท่งปูนออกจากที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต