Halo Top อร่อยแต่ไม่อ้วน

cr: halotopcreamery

คอลัมน์ สตาร์ตอัพ ปัญหาทำเงิน โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

เพราะเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง เราจึงเห็นผู้คนหลั่งไหลกันเข้าฟิตเนส กินคลีน อัดโปรตีนและเดาะวิตามินเข้าปากกันเป็นว่าเล่น แต่ในบรรดาผู้รักสุขภาพเหล่านี้ยังมีซับเซตที่แยกย่อยลงไปอีก หนึ่งในนั้นคือ กลุ่มที่รักสุขภาพของตนเอง พอ ๆ กับรักของหวาน

เราจะเห็นคนกลุ่มนี้ได้ทั่วไป คนที่เอาแต่กุมแก้วน้ำในมือไว้มั่น แล้วกระดกจิบน้ำเปล่ารัว ๆ ในขณะที่เพื่อน ๆ ล้อมวงกันจ้วงไอศกรีมเป็นถ้วย ๆ หรือคนที่ค่อย ๆ จิ้มแอปเปิลชิ้นเล็ก ๆ เข้าปาก ในขณะที่มองเพื่อน ๆ สวาปามทุเรียนเป็นพู ๆ ตาละห้อย

การที่ต้องงดแป้ง-ไขมัน-น้ำตาล นับเป็นเรื่องที่สุดแสนจะทรมานสำหรับผู้หลงใหลขนมหวาน และเพราะรู้ว่ามีคนกลุ่มนี้อยู่เยอะ สตาร์ตอัพที่เราจะนำเสนอในวันนี้เลยผลิตไอศกรีมที่เคลมว่ามีแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย และให้โปรตีนสูง ออกมาเจาะตลาดนี้

แล้วก็ไม่ผิดหวัง หลังวางขายมาได้แค่ 5 ปี เจ้าไอศกรีมยี่ห้อ Halo Top ที่ผลิตโดยบริษัทที่ชื่อ Eden Creamery นี้ ทำยอดขายแซงหน้าพี่ใหญ่แห่งวงการอย่าง Hagen-Dazs และ Ben&Jerry’s ขึ้นแท่นเป็นไอศกรีมที่ขายดีที่สุดในอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว

สาเหตุที่ทำให้ Halo Top เป็นที่นิยม เพราะนอกจากมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีแคลอรีแค่ 240-320 ต่อ 1 ไพน์ (น้อยกว่าแบรนด์ดัง ๆ ซึ่งมีแคลอรีเฉลี่ย 1,000 แคลอรี) แถมยังให้โปรตีนถึง 20 กรัมต่อไพน์ ทำให้คนรักสุขภาพกินได้อย่างสบายใจดีงามขนาดนี้ ถึงราคาจะตกไพน์ละ 6.99 เหรียญ คนก็ยังแห่ไปซื้อเหมือนแจกฟรี แค่หกเดือนแรกของปีนี้ ทำยอดขายทะลุ 50 ล้านไพน์ไปแล้ว

“จัสติน วูลเวอร์ตัน” ซีอีโอ และเจ้าของบริษัทเล่าว่า เขาต้องลองผิดลองถูกเป็นปี กว่าจะได้สูตรที่ทำให้ไอศกรีมของเขามีรสชาติอร่อยล้ำและมีน้ำตาลและแคลอรีน้อยกว่าไอศกรีมทั่วไปหลายเท่า โดยเลือกใช้สารให้ความหวานแคลอรี 0% ที่ชื่อว่าสตีเวีย (Stevia) และอีรีทริทอล (Erythritol) เพื่อสร้างรสชาติและความคงตัวของเนื้อสัมผัสแทนน้ำตาลปกติ

หลังปรุงจนได้รสชาติและคุณสมบัติที่พอใจแล้ว ก็เริ่มวางขายผ่านร้านเพื่อสุขภาพเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในลอสแองเจลีสในปี 2012

นับจากนั้นมา ก็เริ่มมีกระแสบอกต่อในกลุ่มคนรักสุขภาพทำให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง แต่มาดังเป็นพลุแตกจริง ๆ เมื่อปีที่แล้ว ตอนคอลัมนิสต์ชื่อดังอย่าง “เชน สโนว์” เขียนเล่าประสบการณ์ทดลองกิน Halo Top อย่างเดียวเป็นเวลา 10 วัน ผ่านเว็บไซต์นิตยสาร GQ

โจทย์ของเขาคือ ต้องการทดสอบว่าไอศกรีมนี้มีแคลอรีน้อยและโปรตีนสูงสมคำร่ำลือหรือไม่

โดยเชน คำนวณเล่น ๆ ว่า หากกิน Halo Top วันละ 5 ไพน์ น่าจะได้โปรตีนถึง 120 กรัม โดยมีคาร์โบไฮเดรตแค่ 80 กรัม ไขมัน 60 กรัม และแคลอรีแค่ 1,200 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตปกติและการเข้าฟิตเนสเพื่อยกเวตอีก 3 ครั้งต่อสัปดาห์

หลังจากฟาด Halo Top ไป 50 ไพน์ ต่อเนื่อง 10 วัน พร้อมกับเข้าฟิตเนส และไปทำงานตามปกติ เชนรายงานผลที่ได้ว่า น้ำหนักเขาลดลง 9 ปอนด์กล้ามหน้าอกเพิ่มขึ้นครึ่งนิ้ว เอวเล็กลง 1.5 นิ้ว ระบบขับถ่ายเป็นปกติแต่ข้อเสียคือ ในช่วงวันหลัง ๆ ของการทดลอง เริ่มมีอาการอ่อนเพลียเป็นแผลร้อนในปาก และเป็นหวัดซึ่งนักโภชนาการบอกว่า เป็นผลมาจากการที่ร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและไม่แนะนำให้ใครบ้าระห่ำกินแต่Halo Top อย่างเดียวเป็นอันขาด

ถึงเชนจะระบุข้อเสียเหล่านี้ไว้ก็ตาม แต่พอบทความนี้เผยแพร่ผ่านเว็บนิตยสาร GQ กลับสร้างปรากฏการณ์ไวรัลครั้งสำคัญ ผลักให้ยอดขาย Halo Top พุ่งพรวด 77% โดยปีที่แล้วปีเดียว บริษัทมีรายได้กว่า 49 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 2,500% จากปีก่อนหน้า

ด้วยความมาแรงแซงโค้งของ Halo Top ทำให้นักโภชนาการต้องออกมาปราม ๆ บรรดาสาวกทั้งหลายว่า ต่อให้มีน้ำตาลน้อยแค่ไหน ก็ยังเป็นของหวานอยู่ดี หากกินมากไปจะทำให้มีระดับไขมันอิ่มตัวสูง แถมเจ้าสารให้ความหวานที่ใส่เข้าไปหากบริโภคเยอะ ๆ อาจมีผลต่อระบบทางเดินอาหารได้

ดูเหมือนคำเตือนนี้จะไม่มีผลต่อความนิยมในตัว Halo Top แต่อย่างใด เพราะแฟนคลับยังคงเหนียวแน่นและดูจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่บริษัทใช้แค่กระแสปากต่อปากและโซเชียลมีเดียในการโปรโมตสินค้าเป็นหลัก โดยแทบไม่ได้ใช้สื่อแมสเลยก็ตาม

ปัจจุบัน บริษัทมีคนติดตามอินสตาแกรมกว่า 5 แสนราย เฟซบุ๊กอีกกว่า 6 แสนราย มีสินค้าขายผ่านร้านค้ากว่า 19,000 แห่งทั่วประเทศ แถมพัฒนารสชาติจากที่เคยมีแค่ 4 รส เป็น 17 รสให้เลือกชิมกันจุใจ ความฮอตฮิตของ Halo Top สะท้อนให้เห็นเทรนด์ที่เปลี่ยนไปของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ากว่า 6.6 พันล้านเหรียญแห่งนี้ด้วย

จากงานวิจัยของ “เนลสัน” พบว่า ตัวการที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตของตลาดไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่อีกต่อไป แต่เป็นสตาร์ตอัพเล็ก ๆ อย่าง Halo Top ที่กล้านำเสนอจุดขายและรสชาติใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

งานนี้ทำเอาสมรภูมิไอศกรีมที่ควรจะเย็นฉ่ำกลับเดือดพล่านกันเลยทีเดียว