“อิออน” ยึดไทยฮับลงทุนอาเซียน ระดมโมเดล “ค้าปลีก” บุกรอบทิศ

ยักษ์ค้าปลีกญี่ปุ่น “อิออน กรุ๊ป” เปิดเกมรุกรอบใหม่ เดินหน้าบุกตลาดค้าปลีกเอเชีย หวังขึ้นเบอร์หนึ่งในปี 2563 เร่งเจาะตลาดคนเมือง-สูงวัยอาเซียน ยึดไทยเป็นฐานต่อยอดทั่วภูมิภาค ตั้งบริษัทผลิตสินค้ารองรับส่งออก พร้อมประเดิมเปิดร้านสเปเชียลตี้สโตร์ในไทยหวังเป็นสปริงบอร์ดขยายต่อมาเลเซีย เวียดนาม ก่อนขนร้านค้าเฉพาะทางอื่น ๆ เสริมทัพ

เปิดเกมรุกรอบใหม่สำหรับค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบ อิออนกรุ๊ป เพื่อเป็นแรงส่งสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายในปี 2563 ที่จะเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย (Asia”s No.1 super-regional retailer) ตาม 4 ยุทธศาสตร์หลัก คือ เร่งขยายเข้าสู่ตลาดอาเซียน เจาะตลาดชุมชนเมือง จับกลุ่มเป้าหมายในสังคมผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อสูง และเร่งขยายตลาดดิจิทัลตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งไทยถือเป็นฐานสำคัญของอิออนกรุ๊ปในการกระโดดเข้าไปปักธงในตลาดค้าปลีกของอาเซียน จากปัจจุบันอิออนขยายธุรกิจค้าปลีก บริการด้านการเงิน และบริการอื่น ๆ ไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ประกอบด้วย ลาว เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา

สอดรับกับวิสัยทัศน์ของนายโมโตะยะ โอคาดะ ประธาน บริษัทอิออน ญี่ปุ่น ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า อาเซียนเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง สะท้อนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งอิออนเน้นโมเดลธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากธุรกิจที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า 2 สาขาในอินโดนีเซียที่เปิดเมื่อปี 2558-2560 และในเวียดนามและกัมพูชาเมื่อปี 2557 พร้อมเป้าปี 2568 ที่จะมี 10 สาขาในอินโดนีเซีย และ 20 สาขาในเวียดนาม รวมถึงผุดสาขา 2 ในกัมพูชาปี 2561 นี้

ขณะเดียวกันยังจับตาประเทศที่เหลืออย่างไทยและเมียนมาอยู่ เช่นเดียวกับด้านสินค้าไพรเวตแบรนด์ “ท็อปแวลู” จะนำอินไซต์ของผู้บริโภคในย่านนี้มาพัฒนาให้สามารถตอบโจทย์ได้ดีขึ้น

ปั้นไทยฐานผลิตสินค้า

นางสาวนานาโกะ โออิชิ ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อิออน อาเซียน จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อิออนญี่ปุ่นมีนโยบายขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยแนวทางที่บริษัทแม่วาง คือ การตั้งไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการขยายธุรกิจค้าปลีก

โดยเฉพาะด้านสินค้า ด้วยการตั้งบริษัท ท็อปแวลู ไทยแลนด์ จำกัด ขึ้นเพื่อผลิตสินค้าในมาตรฐานญี่ปุ่น เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีแผนนำโมเดลค้าปลีกใหม่ ๆ ขยายเข้ามาในตลาดไทยก่อนขยายผลไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ด้วยศักยภาพของไทยที่มีอัตราการเติบโตที่สูงสุดในภูมิภาค โดยเฉพาะร้านสเปเชียลตี้สโตร์ที่มีสินค้าและบริการเฉพาะทาง ล่าสุด นำร่องเปิดร้านเพ็ตช็อป สาขาแรกในไทยและในอาเซียน ภายใต้ชื่อ “อิออน เพ็ท ชอป แอท ซีดีซี” (AEON Pet Shop @ CDC) เนื่องจากตลาดสัตว์เลี้ยงไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ต่อเนื่องทุกปี มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากตลาดสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่น ร้านดังกล่าว ให้บริการครบวงจร เช่น โรงแรมสัตว์เลี้ยง สปาน้องหมา น้องแมว เป็นต้น โดยในส่วนของโรงพยาบาลสัตว์ได้ร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเข้ามาเปิดให้บริการ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดคนรักสัตว์ระดับพรีเมี่ยม

ปักธงสเปเชียลตี้สโตร์ทั่วอาเซียน

นางสาวนานาโกะ โออิชิ ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อิออน กล่าวว่าต่อไปมีแผนจะเปิดโรงเรียนสอนตัดแต่งขนสัตว์เลี้ยง เพื่อเป็นศูนย์กลางฝึกอบรมช่างในภูมิภาคอาเซียน ที่เร็ว ๆ นี้เตรียมเปิดเพ็ตช็อปที่มาเลเซีย และเวียดนาม

“เฟสแรกได้นำสเปเชียลตี้สโตร์สัตว์เลี้ยงเข้ามาในไทยเป็นแห่งแรกในอาเซียน และถือเป็นแห่งที่ 3 ของเอเชียรองจากญี่ปุ่นและจีน ขณะที่เฟสต่อไป คือ การนำธุรกิจสเปเชียลตี้สโตร์ในกลุ่มอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มอีก”อาทิ ร้านขายเครื่องเขียน เครื่องกีฬา สุรา จักรยาน ซึ่งเป็นโมเดลที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดญี่ปุ่น

ค้าปลีกไทยยังเนื้อหอม

ด้านนายวิมานพล ศักดิ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายโลจิสติกส์และไอที บริษัท อิออน ไทยแลนด์ จำกัด ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีก แมกซ์แวลู ซูเปอร์มาร์เก็ต และแมกซ์แวลูทันใจ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในไทยถือว่าแข่งขันสูงและรุนแรงขึ้นทั้งจากการขยายสาขา พัฒนาบริการ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไซซ์เล็ก “แมกซ์แวลูทันใจ” ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาด้านพื้นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“ปัจจุบันมีแมกซ์แวลูทันใจ 48 สาขา ปีนี้มีโลเกชั่นใหม่แน่นอน แต่จะไปได้กี่สาขากี่ทำเลนั้นอาจจะต้องดูอีกที เนื่องจากพื้นที่ก็หายากขึ้น”

นอกจากการขยายสาขาแล้ว อีกกลยุทธ์หลักของปีนี้คือการพัฒนาสินค้าเฮาส์แบรนด์ และกลุ่มอาหารปรุงสดพร้อมรับประทาน ที่ถือเป็นจุดเด่นของแมกซ์แวลูอยู่แล้ว โดยเตรียมเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์ ภายใต้ชื่อ “ท็อปแวลู” อีกหลายรายการ ล่าสุด มี สมาร์ทกล้วยหอม ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น ข้าวผัดปลาทู

ปัจจุบันอิออนกรุ๊ป มี 4 ธุรกิจในไทย ได้แก่ ธุรกิจเครดิตและสินเชื่อ ภายใต้บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), ธุรกิจประกันภัย ภายใต้ชื่อ บริษัท อิออน อินชัวรันส์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด, ธุรกิจบริหารหนี้สิน ภายใต้ชื่อ บริษัท เอซีเอส เซอร์วิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และธุรกิจบริการรถเช่าในชื่อ บริษัท เอซีเอส แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด