ไทม์ไลน์ “วุฒิศักดิ์ คลินิก” แม่ทัพใหม่ คนแล้ว…คนเล่า

คอลัม์ จับกระแสตลาด

ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “วุฒิศักดิ์ คลินิก” เป็นคลินิกความงามอันดับต้น ๆ ที่มีสาขาจำนวนมากกว่า 100 แห่ง และยังแข็งแกร่งด้านแบรนดิ้ง การเข้าถึงลูกค้าผ่านกิจกรรม แคมเปญ โปรโมชั่น รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ ที่สร้างความคึกคักให้กับตลาดมาโดยตลอด

จนกระทั่งวุฒิศักดิ์ฯมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารภายในครั้งใหญ่ เมื่อประมาณปี 2556 ทั้งการเปลี่ยนมือผู้กุมบังเหียนในตำแหน่งสำคัญ จาก “ณกรณ์ กรณ์หิรัญ” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เป็น “พลภัทร จันทร์วิเมลือง” 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งวุฒิศักดิ์คลินิก เป็นซีอีโอแทน

รวมถึงผู้ถือหุ้นใหม่บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (EFORL) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่ทุ่มเม็ดเงินกว่า 3.5 พันล้านบาท ซื้อหุ้นของวุฒิศักดิ์ฯในสัดส่วน 60% เมื่อปี 2557 ได้พลิกโฉมการทำธุรกิจของวุฒิศักดิ์ครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการเร่งเดินหน้าเอาคลินิกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ก่อนที่บริษัทจะดึง “ณกรณ์” กลับมาบริหารอีกครั้ง ในตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ในช่วงปลายปี พร้อมกับแคมเปญการตลาดครบรอบ 15 ปี จัดหนักจัดเต็มสไตล์ “ณกรณ์” เหมือนที่เคยทำมา สร้างความคึกคักให้กับตลาดและนักลงทุนรอบใหม่

แต่บทบาทของ “ณกรณ์” หลังจากแคมเปญนี้ก็ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็น “ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL และ “อภิพร ภาษวัธน์” ประธานกรรมการ บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ที่แถลงทิศทางของบริษัท ทั้งแผนการลงทุนใหม่ ๆ และความคืบหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน

กระทั่งกลางปี 2560 ก็ปรากฏชื่อของ “อรรถวุฒิ จริงไธสง” ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด พร้อมกับเชิญ “ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท วุฒิศักดิ์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศนโยบายการทำตลาดครั้งใหม่ “Wuttisak Wellness World” ต่อยอดธุรกิจคลินิกความงามครบวงจร ทั้งการต่อยอดด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ ไปสู่บริการใหม่ ๆ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ธุรกิจแฟรนไชส์

รวมถึงโปรเจ็กต์สร้างโรงพยาบาลศัลกรรมเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม ทำให้บริษัทดึงเอา “นพ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช” หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์กลับเข้ามาบริหารอีกครั้ง และเสริมทัพทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม แม้วุฒิศักดิ์ฯจะมีแผนที่ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าบริษัทก็ยังไม่สามารถฝ่าปัจจัยลบต่าง ๆ ขึ้นมาทำรายได้และกำไรตามที่บริษัทแม่ตั้งความหวังเอาไว้ได้มากนัก ด้วยผลการดำเนินงานของคลินิกความงามที่ถึงคราวขาลง จากสภาพตลาด การแข่งขันด้านราคา กำลังซื้อ รวมถึงภาระหนี้สินที่จากการกู้ซื้อกิจการของ EFORL ได้ส่งผลต่อนโยบายการบริหารหลาย ๆ ด้าน ซึ่งส่งผลกระทบไปยังทีมบริหารที่ถูกปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดจึงถูกขยายเวลาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า

มิหนำซ้ำกลยุทธ์การขายแฟรนไชส์ ที่บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแฟรนไชส์จำนวน 55 สาขา กับ บริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ในช่วงปลายปี 2560 ก็ไม่ชอบมาพากล จนกระทั่งเป็นเรื่องฟ้องร้องทางแพ่ง ที่ EFORL ต้องการให้เพิกถอนการขายสิทธิ์แฟรนไชส์และสินทรัพย์ดังกล่าว มีผลยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน

รายงานจากผลประกอบการที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ของ EFORL ระบุถึงรายได้จากการขายและบริการของวุฒิศักดิ์ฯ ในปี 2560 อยู่ที่ 691 ล้านบาท ลดลง 85% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,642 ล้านบาท

โดยสาเหตุหลักการลดลงของรายได้มาจากการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างธุรกิจมาเป็นการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ และการแข่งขันด้านราคา และจำนวนคู่แข่งที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาด้านโครงสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยังเป็นเรื่องฟ้องร้องกันไม่จบ ยังส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของวุฒิศักดิ์ฯในปี 2561 ที่ผ่านมายังลดลงต่อเนื่องถึง 58% หรือมีรายได้เพียง 198 ล้านบาท

ล่าสุด วุฒิศักดิ์ฯมีความพยายามอีกครั้งในการปรับโครงสร้างระลอกใหม่ โดยดึงผู้บริหารที่คร่ำหวอดในแวดวงค้าปลีกอย่าง “กวิน สัณฑกุล” มานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของบริษัท วุฒิศักดิ์ ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด มหาชน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและเตรียมที่จะแถลงทิศทางธุรกิจครั้งใหม่ในวันพุธนี้

จากธุรกิจดาวรุ่ง ที่เคยมีรายได้สูงถึงกว่า 2,000 ล้านบาท วันนี้ลดลงมาอย่างน่าใจหายเหลือเพียงหลักร้อยล้านต้น ๆ เท่านั้น


คงต้องจับตาดูการบริหารของแม่ทัพคนใหม่ว่าจะพลิกสถานการณ์นี้ได้หรือไม่