AION แบรนด์ EV จีนน้องใหม่ตั้ง 7 ดิสทริบิวเตอร์ดูแลตลาดอาเซียน เฉพาะในไทยผนึก วี กรุ๊ป – ชาริชโฮลดิ้งและทุนไทยจีน เตรียมส่ง AION Y Puls รุ่นแรก 9 ก.ย.นี้
ตลาดรถ EV บ้านเราตอนนี้ต้องจับตาทัพ EV แบรนด์จีนน้องใหม่ที่กำลังทยอยบุกตลาดระลอก2 ซุ่มเซตอัพทั้งการสร้างอีวีอีโคซิสเต็มและเตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายจัดจำหน่าย รวมทั้งคัดสรรโปรดักต์เพื่อถล่มตลาดอย่างจริงจัง
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
ตั้ง 7 เมกะดีลเลอร์ลุยตลาดอาเซียน
นายหม่ำ ไห่ยาง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (GAC AION Thailand) ในเครือ กว่างโจว ออโต้ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงความพร้อมในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยว่า บริษัทมีความพร้อมทุก ๆ ด้าน ทั้งการเตรียมโปรดักต์เพื่อนำเสนอสำหรับลูกค้าชาวไทย แต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ขยายเครือข่ายการขาย รวมถึงศึกษาการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยพร้อมเปิดตัวรถEV อย่างน้อย 2 รุ่นในประเทศไทย โดยรุ่นแรกเป็น AION Y Plus โดยจะเปิดตัวพร้อมเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายน 2566 นี้
สำหรับการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจะมีดิสทริบิวเตอร์ หรือเมกะดีลเลอร์ 7 รายดูภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ 99 เมียนมา ดูแลเมียนมา, Harmony Group ดูแลเวียดนาม, EV HUB ดูแลสิงคโปร์ ส่วนในประเทศไทยจะมี 4 ราย ได้แก่ Jinhui ซึ่งเป็นกลุ่มทุนไทยจีน, AIONIC ในเครือชาริชโฮลดิ้ง ซึ่งมีนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ เป็นผู้ดูแล, วี กรุ๊ป (V Group) และ Harmony Group กลุ่มทุนไทยจีน
ทันรับเงินอุดหนุน 1.5 แสน
สำหรับกว่างโจว ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จัดเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศจีน ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 2.7 แสนคัน ในปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6 แสนคันในปี 2566 โดยการขยายตลาดเข้าประเทศไทยประกาศใช้เงินลงทุนในเฟสแรกกว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมจัดตั้งบริษัทจัดจำหน่ายและโรงงานผลิต โดยขณะนี้ได้มีการยื่นจดทะเบียนแล้ว และยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว มั่นใจว่ารถ EV รุ่นแรก AION Y Plus คาดว่าจะสามารถทำราคาขายให้แข่งขันในตลาดได้ และทันเข้าร่วมโครงการสนับสนุนรถ EV 3.0 ของรัฐบาลไทยได้รับเงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อ 1.5 แสนบาท ขณะที่โรงงานผลิตจะสามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผนงานที่วางไว้
ตั้งเป้าปีแรก 15 โชว์รูม
ด้านนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ในเครือ กลุ่มชาริชโฮลดิ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในดิสทริบิวเตอร์ของ AION เปิดเผยว่า การเข้ามาเป็นเมกะดีลเลอร์ครั้งนี้ทาง GAC ให้อิสระในการดำเนินธุรกิจ และไม่ได้กำหนดการขยายสาขาในประเทศไทย แต่เชื่อว่าทั้ง 4 รายคงมีความสามารถต่างกัน
โดยส่วนของ AIONIC นั้น พร้อมจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการในปีนี้ทั้งสิ้น 12-15 แห่ง โดยจะกระจายไปตามหัวเมืองต่างจังหวัด 4 แห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนต่อสาขาสำหรับการรีโนเวต โชว์รูมเดิมสาขาละ 12-15 ล้านบาท
“ข้อดีของการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์ หรือเมกะดีลเลอร์ 4 ราย พันธมิตรไม่เยอะทำให้สามารถเจรจาได้คล่องตัว อีกทั้งนโยบายการขายราคาเดียวทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก ส่วนการขยายสาขานั้น ไม่กำหนดพื้นที่ และหากดิสทริบิวเตอร์ทั้ง 4 รายพร้อมในพื้นใด ๆ ก็สามารถกำหนดและดำเนินการได้เลย”
นายอภิชาติยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับรถ AION Y Puls จะสามารถส่งมอบได้ราวเดือน ต.ค.นี้ เป็นต้นไป หลังจากรถลอตเเรกได้ทยอยขนส่งเข้ามาแล้ว และในเดือนตุลาคมจะเป็นรถลอตที่ 3 ส่วนเป้าหมายทางการขายนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
วีกรุ๊ปทิ้งแบรนด์มาสด้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ V Group ดีลเลอร์ขายรถหลากหลายยี่ห้อ อาทิ ฟอร์ด มิตซูบิชิ มาสด้า MG ซูซูกิ ฯลฯ มีเอาต์เลตเกือบ 50 แห่งทั่วประเทศของตระกูลวิริยะพันธุ์ มีกระแสข่าวยืนยันว่าจะเปลี่ยนแบรนด์มาสด้าหลายโชว์รูมมาเป็น AION หลังจากแบรนด์มาสด้า มียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะวิ่งตามกระแสการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ซึ่งรถทั้งหมดที่ทำตลาดยังเป็นรถใช้น้ำมันล้วน ๆ
ฉางอันขอแจมปลายปี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจาก GAC ที่พร้อมทำตลาดในวันที่ 9 กันยายนนี้ ฉางอัน หรือ Changan Automobile บริษัทยานยนต์แถวหน้าของจีนก็แจกแถลงการณ์ผ่านสื่อสายยานยนต์ถึงความพร้อม ว่าขณะนี้ฉางอันได้รับหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยจดทะเบียนในนามบริษัท ฉางอัน ออโตเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ ฉางอันได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในเครือ โดยครอบคลุมบริษัทจัดจำหน่าย โรงงานประกอบรถยนต์ รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ เพื่อตอบสนองแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย รวมถึงเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์เชิงรุกสู่ตลาดโลกตามพันธกิจ “ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย สู่การใช้ชีวิตวิถีใหม่อย่างยั่งยืน”
ฉางอันมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย ที่มาพร้อมกับความชาญฉลาดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย ควบคู่กับบริการที่ยอดเยี่ยม ยกระดับจุดแข็งของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่จะเป็นต้นแบบไปยังตลาดยานยนต์พวงมาลัยขวาอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ ฉางอันจะเร่งพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยอย่างครบวงจร อันรวมถึงการสร้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญคนไทย สร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และพร้อมจัดจำหน่าย ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับก้าวต่อไปภายใต้แผนการดำเนินงานของ ฉางอันจะสร้างโรงงานการผลิตรถไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในประเทศไทย โดยมีกําลังการผลิตในระยะแรก 100,000 คันต่อปี และจะเพิ่มกําลังการผลิตขึ้นเป็น 200,000 คันต่อปีในระยะที่สอง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศไทย รวมถึงส่งออกไปยังตลาดรถพวงมาลัยขวาอื่นๆ ของโลก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และแอฟริกาใต้ อันจะสนับสนุนนโยบายการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
AAS รับบทเมกะดีลเลอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กระแส AAS กรุ๊ป ผู้จำหน่ายรถหรูปอร์เช่คว้าสิทธิดิสทริบิวเตอร์ฉางอัน แม้ผู้บริหารAAS จะปฏิเสธมาโดยตลอด แต่ก็ได้รับการคอนเฟิร์มจากบรรดาเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งได้รับแต่งตั้งจาก AAS จำนวน 6 รายว่าจริง และพร้อมจะให้ทั้ง 6 รายสามารถเข้าไปขายรถEV ฉางอันได้ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้ ส่วนดิสทริบิวเตอร์อีกรายคือ @ยูไนเต็ด ซึ่งมีโชว์รูมขายรถโตโยต้า 6 แห่งใน กทม. และสมุทรปราการ ยังไม่มีรายละเอียด แต่ก็มีความเคลื่อนไหวในตลาดรถ EV อย่างต่อเนื่อง
สำหรับบริษัท Changan Automobile มีสํานักงานใหญ่และฐานการผลิตหลักอยู่ ณ เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน เป็นหนึ่งในผู้นําด้านรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ซึ่งได้จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 2 ล้านคันทั่วโลกในปี 2022 ซึ่งเป็นสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดในรอบห้าปี และในปี 2023 Changan Automobile ได้รับการจัดอันดับจาก J.D.Power เป็นลำดับที่ 1 ในด้านความพึงพอใจของลูกค้า ทั้งด้านงานขายและบริการในกลุ่มยานยนต์สัญชาติจีน Changan Automobile มีความมุ่งมั่นที่จะมอบความล้ำสมัย ความปลอดภัย ประสิทธิภาพสูงสุด และความสะดวกสบายเหนือระดับควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนร่วมในการทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น
