ภูมิธรรม เผย เศรษฐา ฝากเดินหน้านโยบายเพื่อประชาชน-ยันพรรคร่วมรัฐบาลหนุนนายกฯ เพื่อไทย

ภูมิธรรม เผย “เศรษฐา” ฝากช่วยกันหาทางออกเดินหน้านโยบายเพื่อประชาชน มั่นใจรัฐบาลไม่สะดุด ยันพรรคร่วมมติเอกฉันท์ส่งแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

วันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับด่วนจากประเทศคาซัคสถาน ถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีความเป็นห่วงและฝากอะไรไว้หรือไม่ ว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีการเปลี่ยนแปลง อยากให้เข้ามารับรู้สภาพ และหาทางออกที่คิดว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

สิ่งที่ท่านฝากไว้ อยากให้เข้ามาดำเนินการและทำสิ่งที่ท่านทำค้างไว้ อยากให้ประสบความสำเร็จให้ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ส่วนรายละเอียดคงต้องมาคุยกันหลังจากนี้ ซึ่งตนเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้ อยู่บนเครื่องบินตลอดทั้งวัน

เมื่อถามว่าการทำงานของรัฐบาลก่อนที่จะมีนายกฯ คนใหม่จะสะดุดหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าไม่มีอะไรสะดุด เพราะตามกลไกทั้งหมดรัฐบาลก็ยังทำหน้าที่รักษาการเป็นชุดเดิมทั้งหมด เพียงแต่นายกฯ ที่ไม่สามารถรักษาการต่อได้ตามข้อกฎหมาย ทุกคนยังเป็นรัฐบาลพรรคร่วม มีนโยบายเดิมที่ทำกันอยู่แล้ว ทุกคนมีหน้าที่ในการบริหารจัดการ หน้าที่ของเราคือทำให้ต่อเนื่องที่สุด ดีที่สุด เร็วที่สุด แล้วคงมีกระบวนการเลือกนายกฯ ใหม่อีกครั้งโดยเร็ววัน

เมื่อถามถึงการประชุม ครม.รักษาการ จะมีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่างน้อยก็มีการคุยเรื่องสถานการณ์ เพราะที่ประชุม ครม.ก็เป็นที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ก็ดูว่าแต่ละคนจะทำงานร่วมกันอย่างไรต่อไป ที่ประชุมต้องเป็นที่ยอมรับ และต้องหาคนมาประสานงาน เข้าใจว่าที่ประชุมวันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องเนื้อหาที่จะต้องปฏิบัติร่วมกัน เพราะว่าผู้นำเราไม่อยู่แล้ว ก็ต้องขึ้นมารักษาการกัน

เมื่อถามว่า ล่าสุดมีชื่อของนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มองเรื่องนี้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็ไม่แปลก เพราะแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็มีอยู่ 2 ท่านที่เหลือ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม ทั้งสองท่านเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติมีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์

ซึ่งอยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะพิจารณา เข้าใจว่าเช้าวันนี้จะมีการประชุมพรรคที่สภาผู้แทนราษฎร โดยจะใช้เวทีตรงนั้นในการหารือ และรับฟังความเห็นภายในพรรค ตามกระบวนการพรรคการเมือง เมื่อเสร็จแล้วจะนำเข้ามาคุยกันภายในคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง

“ในการประชุม ครม.ในวันนี้ จะเป็นการช่วยกันคิด ช่วยกันทำอย่างไร เพราะมีมติที่ชัดเจนออกมาแล้วจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เราคุยกันจนมีมติเอกฉันท์ให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยต้องนำกลับไปหารือกัน”

เมื่อถามว่ามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์สุขภาพของนายชัยเกษม นายภูมิธรรมระบุว่า ก็เป็นธรรมดา เพราะนายชัยเกษมเคยป่วย แต่หลังจากนั้นใช้เวลาไปรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง สภาพสุดท้ายที่ตนได้เจอและคุยกับท่านก็ปกติ ด้านกายภาพท่านก็ออกไปตีกอล์ฟได้ตามปกติ

ส่วนที่บอกว่าท่านจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นเรื่องจินตนาการ จริง ๆ ต้องดูที่สุขภาพท่านเป็นหลัก ถ้าท่านยืนยันและดูแล้วว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องการบริหารจัดการของพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องร่วมกันจัดการด้วยระบบบริหารที่สามารถทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติได้

เมื่อถามว่า หากเลือกนายกฯ ได้แล้ว การปรับ ครม.จะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อันนี้เร็วไปไหมมั้งครับ ขอให้ได้นายกฯ ก่อนดีมั้ยครับ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อได้นายกฯแล้วต้องทำ ครม.ใหม่ด้วย นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็ถูกครับ ทันทีหรือไม่ทันทีเดี๋ยวขอคุยกัน อย่างน้อยที่สุดตั้งเลือกนายกฯ ให้ได้ก่อนตามกระบวนการกฎหมาย เมื่อได้นายกฯ แล้วก็ต้องรอการโปรดเกล้าฯ และเมื่อโปรดเกล้าฯ แล้วก็ต้องทำกระบวนการของนายกฯ ให้เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็เป็นพันธะของนายกฯ ที่จะต้องฟอร์ม ครม.ใหม่ และเมื่อในหลวงมีการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ ครม.ชุดเก่าก็พ้นไปโดยปริยาย จึงต้องรอว่านายกฯ คนใหม่จะเป็นใคร และท่านจะเลือกทีมทำงานของท่านอย่างไร

เมื่อถามว่า วานนี้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็อาจจะคิดถึง และก็ไปเจอกันก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร คนที่คิดถึงกัน ผมก็ดอดเข้าเยี่ยมที่บ้านท่านบ่อย ๆ เวลาคิดถึงกันผมก็ไป แต่คิดถึงช่วงนี้ก็อาจจะถูกมองได้ ก็อาจเป็นเรื่องธรรมดา หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดได้ ก็อย่าไปจินตนาการเยอะเลยครับ เอาความเป็นจริงดีกว่า

เมื่อถามว่า หากเป็นนายชัยเกษมจริง จะเป็นนายกฯ คั่นเวลาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า แล้วแต่สื่อจะไปเรียกกัน นายกฯ ก็คือนายกฯ ในระบบกฎหมายไม่มีนายกฯ คั่นเวลา ถ้าเป็นที่ยอมรับของสภาก็ถือว่าเป็นนายกฯ นายกฯ ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อยู่ที่การจัดทีมงาน