
มรสุมลูกใหญ่จากกัมพูชา ทำให้รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เกิดอาการวูบวาบไปเหมือนกัน
เริ่มต้นจากเรื่องพิพาทชายแดน ก่อนปะทะด้วยกำลังอาวุธที่ช่องบก จ.อุบลฯ ฝ่ายเขมรเสียชีวิต 1 นาย
ผู้นำกัมพูชาประกาศนำปัญหาพื้นที่พิพาท 4 แห่งไปฟ้องศาลโลก
แม้ว่า 2 ประเทศได้สร้างกลไกสำหรับเจรจาไว้หลายระดับ แต่เขมรยืนยันไม่ใช้
“สมเด็จฮุน เซน” ผู้นำและบิดานายกฯกัมพูชา สร้างข่าวใหญ่ ปล่อยคลิปการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกฯไทย
พรรคภูมิใจไทย คว้าไปใช้เป็นเงื่อนไขถอนตัวจากรัฐบาล ให้ รมต.ของพรรคยื่นใบลาออก
แต่พรรครัฐบาลรีบตั้งหลัก เรียกหารือกลุ่มต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งหนังสือสนับสนุนรัฐบาล
ได้ข้อสรุปว่า พรรคและกลุ่ม สส.ต่าง ๆ พร้อมเดินหน้าไปกับรัฐบาล
มีบางพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” เสนอให้ “นายกฯอิ๊งค์” ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อคลิปดังกล่าว
ถ้านายกฯไม่ลาออก เราจะออกเอง นั่นคือวาทะห้าวหาญของแกนนำคนหนึ่งของพรรครวมไทยสร้างชาติ
สุดท้ายไม่มีใครลาออกไปไหน
การนัดพบปะหัวหน้าพรรคแกนนำที่โรงแรมโรสวูด สุขุมวิท ตอนบ่ายวันที่ 22 มิ.ย.
“รวมไทยสร้างชาติ” ก็เป็นหนึ่งในพรรคที่ไปร่วมประชุมยืนยันสนับสนุนรัฐบาล
ผลการหารือล่าสุด รายชื่อต่าง ๆ ลงตัว เหลือขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ
ครม.ใหม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนเปิดประชุมรัฐสภา 3 ก.ค.
บางพรรคและ รมต.บางคน ต้องทำใจ พ้นหน้าที่ไปเป็นฝ่ายค้าน
ส่วนการเดินเกมแก้ปัญหากัมพูชา เมื่อตั้งหลักได้ โดยกองทัพเข้ามาร่วมสนับสนุน
ก็ค่อย ๆ สะสมความได้เปรียบ
ด้วยการเรียกทูตกลับจากกัมพูชา ปรับเวลาเปิดปิดด่าน ห้ามสายบ่อน เข้าไปทำงาน หรือเข้าไปเล่นพนัน
เป็นรายการ “ทุบหม้อข้าวกัมพูชา” ครั้งใหญ่ ทำเอาบรรดาบิ๊ก ๆ กัมพูชานั่งไม่ติดไปเหมือนกัน
แม้ตอบโต้ ด้วยการประกาศจะไม่ใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมันจากฝั่งไทย
ผลที่ตามมา คือ บรรดาบ่อนกาสิโน ตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นปอยเปต หรือที่ชายแดนด้านบนและด้านล่างของ จ.สระแก้ว ทยอยเลิกจ้าง ทยอยปิดตัว
รวมถึงธุรกิจมืด ได้แก่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์
คาดว่า “รายได้” ต่าง ๆ ที่ไปยังกระเป๋าของผู้มีอำนาจ แห้งเหือดและหดหายไปมาก
เมื่อ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯอิ๊งค์เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ติดตามเรื่องนี้
นั่นคือ “คณะกรรมการติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ” มี อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดีอี, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย
นายฉัตรชัย บางชวด เลขาฯ สมช., พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เลขาธิการ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายกฯอิ๊งค์กล่าวว่า ได้ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาระยะหนึ่งแล้ว และมีมาตรการอื่นทำให้คดีลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ระยะนี้กัมพูชาถูกจับตาว่าเป็นฮับอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก หลังปรับเวลาปิดด่าน คดีออนไลน์ลด
องค์การสหประชาชาติมีข้อสรุปว่า กัมพูชามีอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เป็นศูนย์รวมอาชญากรรมที่ขณะนี้มีมากมาย และเป็นแหล่งอาชญากรรมระดับโลก มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ชายแดนที่มีปัญหาต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด คดีใดที่จะต่อยอดได้อีกต้องสกัดกั้นทุกวิถี
ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็ง ทำให้ตัวเลขลดลงในทุกมิติ
ทำให้กัมพูชาเสียรายได้ไปประมาณ 30,000 ล้านบาท และได้รับผลกระทบตรงนี้อย่างมาก
ขอให้ทำต่อเนื่องและจะไม่หยุดอยู่ตรงนี้ จะทำเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
เขาเสียรายได้มากเท่าไหร่ เท่ากับประชาชนของเราปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
รัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนอยู่ในบ้านที่อบอุ่นปลอดภัย ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ขอให้ทุกคนเป็นหูเป็นตาให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย
ตัวเลขที่ลดลงก็ขอให้ลดลงไปเรื่อย ๆ นายกฯอิ๊งค์กล่าวย้ำ
ผลจากข้อพิพาทชายแดน เมื่อใช้มาตรการเข้มข้น ก็จะส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 ฝ่าย
ประเทศไทยเองมีการค้ากับกัมพูชามูลค่ามหาศาล
จะกระทบมากน้อยอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป
ส่วนการเดินหน้ารัฐบาลต่อไป โดยตัดบางพรรคออก ย่อมทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง
มีประเด็นที่จะเกิดจากการฟ้องร้องต่อองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
เป็นโจทย์ที่ต้องตามแก้ ตามแก้ปัญหาไปทีละด่าน