ชิงถอนวาระโมโต จีพี บุรีรัมย์ 1,300 ล้าน

แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 มกราคม 63 ที่ผ่านมา ที่ประชุมถอนวาระการต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2564-2568 ( 5 ปี) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขัน ฯ รวมทั้งสิ้น 33.29 ล้านยูโร คิดเป็นเงินบาท 1,331,600,000 บาท (1 ยูโร = 40 บาท)

แบ่งออกเป็น ปี 2564 ค่าลิขสิทธิ์ 6,000,000 ยูโร เป็นเงินบาท 240,000,000 บาท ปี 2565 ค่าลิขสิทธิ์ 6,330,000 ยูโร เป็นเงินบาท 253,200,000 บาท ปี 2566 ค่าลิขสิทธิ์ 6,660,000 ยูโร เป็นเงิน 266,400,000 บาท ปี 2567 ค่าลิขสิทธิ์ 7,000,000 ยูโร เป็นเงิน 280,000,000 บาท และปี 2568 ค่าลิขสิทธิ์ 7,300,000 ยูโร เป็นเงิน 292,000,000 บาท

นอกจากนี้ยังเสนอให้เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขัน ฯ ปีละ 144,835,777 บาท จำนวน 5 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 724,178,885 บาท

ทั้งนี้ ดอร์น่า สปอร์ต กรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน กำหนดให้มีการลงนามในสัญญาก่อนการแข่งขันภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพแข่งขัน ฯ สนามที่ 2 ในวันที่ 22 มีนาคม 2563

สำหรับการจัดการแข่งขันรายการ PTT Thailand Grand Prix 2018 และ PTT Thailand Grand Prix 2019 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นเนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ มีการเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ 207 ประเทศทั่วโลก ผู้รับชมไม่ร้อยกว่า 800 ล้านคน เกิดการกระจายรายได้สู่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 3.4 พันล้านบาท

ความเห็นของสำนักงบประมาณพิจารณาเห็นว่า การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี เป็นการแข่งขันระดับโลก นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ด้านกีฬาของประเทศ ส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬาและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวจากการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตและกีฬาอาชีพอื่น ๆ ของประเทศไทย ตลอดจนมีความสอดคล้องและเป็นไปตามแนวทางของแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพและต่อยอดอาชีพทางการกีฬา อุตสาหกรรมกีฬา และการมีส่วยร่วมของกิจกรรมกีฬา

โดยผลการดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฯ ประจำปี พ.ศ.2561-2562 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จทั้งจำนวนผู้เข้าชมและรายได้จากผู้เข้าชมการแข่งขันทั้งทางตรงและทางอ้อม สามารถสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น เพื่อพิจารณาถึงผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่จะได้รับทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคมดังกล่าวแล้ว

จึงเห็นสมควรที่ครม.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฯ และพิจารณาเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อสมทบค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขันกรอบวงเงินดังกล่าว


โดยให้การกีฬาแห่งประเทศไทยขอรับการสนับสนุนตากภาคเอกชนเพื่อดำเนินการ และควรคำนึงถึงความประหยัดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งและบริหารสัญญาจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับ