เปิดตัวพรรคใหม่ 3 ป. ‘รวมไทย สร้างชาติ’ ต่อท่ออำนาจ คสช.

ข่าวการ “ตั้งพรรคใหม่” ของพี่-น้อง 3 ป.ประวิตร-ประยุทธ์-ป.ป๊อก ยังไม่จางหาย-ลมพัดหวนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับชื่อพรรค “รวมไทย สร้างชาติ” เพื่อเป็น “พรรคสำรอง” หากเกิดอุบัติเหตุกับพรรคพลังประชารัฐ

ไม่ว่าข่าว “ตั้งพรรคใหม่” จะมีมูล หรือ เป็นเพียงเสียงลือ-เสียงเล่าอ้างในวงเหล้าค่ายทหาร-บนโต๊ะจีนโรงแรมหรู แต่ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรไปจากพรรคเฉพาะกิจ-นั่งร้าน คสช.

ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า แม้พรรคพลังประชารัฐจะหย่าศึกภายในพรรคลง (ชั่วคราว) หลังจากร่วมด้วย-ช่วยกัน อัปเปหิ “ก๊กสมคิด-ก๊วนสี่กุมาร” ออกจากพรรคชนิดตัดบัวไม่เหลือใย

สถาปนา บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. เถลิงบัลลังก์หัวหน้าพรรค ด้วย “ข้ออ้าง” ไม่ให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค แต่เหตุผลสมคบคิด-เจือสม คือ การยึดพรรค-เกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่

พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “พล.อ.ประวิตร” เป็น “แม่ทัพคนใหม่” หวังว่าจะหวังพึ่งบารมีของ “พี่ใหญ่” สยบฤทธิ์เดช “หัวหน้าก๊ก” ที่มาจากต่างถิ่น-ร้อยรัดกันด้วยผลประโยชน์ให้อยู่ใน “กำมือ” ได้อย่าง “อยู่หมัด” กลับตรงกันข้าม

เมื่อใดที่ถึงฤดูกาลปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมักปรากฏข่าว “แย่งชามข้าว” แกนนำออกมาแสดงแสนยานุภาพ-ส.ส.ในมือ เพื่อต่อรองตำแหน่ง-ขย่มเก้าอี้กันเองภายในพรรค เพียงเพื่อตำแหน่งเก้าอี้เสนาบดี

แม้กระทั่งการปรากฏข่าว “ชิงการนำ” ในการจัดโครงสร้างอำนาจภายในพลังประชารัฐใหม่ หลังจาก “ตั้น-บี” หัวหน้ากลุ่มกทม.- อดีต กปปส.ถูกศาลตัดสินในคดีกบฏ กรณีชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

โดยเฉพาะ “ตั้น-ณัฏฐพล” รองหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้ 12 ส.ส.กทม. “ไร้หัว”

ไม่นับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองที่ระหองระแหง-จดบันทึกหนี้แค้น ไว้คอยชำระ-คิดบัญชี ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ หลังการ “หักดิบ” คว่ำรัฐธรรมนูญในวาระสาม – “บีบกล่องดวงใจ” พรรคประชาธิปัตย์ โดย “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จนคนในพรรคประชาธิปัตย์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

กรณีพลังประชารัฐ ฉีกมารยาททางการเมืองส่งผู้สมัครแข่งเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช จน “เทพไท เสนพงศ์” ฝ่ายค้านในรัฐบาล “แค้นฝังหุ่น” ยื่น “ยุบพรรค” พลังประชารัฐต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีใส่ร้าย-บิดเบือน ก่อนการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช

นอกจากนี้พรรคพลังประชารัฐยังมี “คดียุบพรรค” ค้างสต๊อกอยู่ใน กกต. อาทิ กรณีที่พปชร.จัดปราศรัยใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 62 ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ

โดยมีการเปิดตัว นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ร่วมพูดบนเวทีปราศรัย จึงเข้าข่ายตาม พ.ร.ป. พรรคการเมือง มาตรา 28 ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกครอบงำพรรค ประกอบกับมาตรา 92

กรณีที่ พปชร. เชิญให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตามกฎหมายให้ไปเปิดการสัมมนาเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2562 ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

กรณีที่ พปชร.จัดงานสัมมนาพรรค เสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต เมื่อวันที่ 21-22 ก.ค. 2562 ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยใช้รีสอร์ตที่มีปัญหาถูกจับว่าบุกรุกป่า ม.6 ต.ไทยสามัคคี

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ยังมี “คดีค้างเก่า” ที่ยังไม่ได้ชำระ กรณี “6 ส.ส.ดาวฤกษ์” ฉีกหน้าพี่ใหญ่กลางสภา – แหกคำบัญชา พล.อ.ประวิตร โหวต “งดออกเสียง” ให้กับ “บิ๊กภูมิใจไทย” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ จน “นายใหญ่แห่งบุรีรัมย์” ควันออกหู

ตอกลิ่มความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปอีก เมื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้นายอนุทิน ออกมารับผิดชอบ-สอบสวน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย หลังจากลุกขึ้นตีแสกหน้าพลังประชารัฐกลางสภาก่อนลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระสาม ว่า

“จะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยกับพวกฉ้อฉล ศรีธนชัย โกหก ปลิ้นปล้อน ไร้สาระสิ้นดี นี่คือ สภาโจ๊ก”

พรรคพลังประชารัฐขณะนี้จึง “บอบช้ำ” ทั้งจากความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล-การชิงอำนาจและผลประโยชน์ภายในพรรค

“พล.อ.ประยุทธ์” จึงลอยตัวเหนือพรรคพลังประชารัฐ ปล่อยให้ พล.อ.ประวิตร-พี่ใหญ่ “คลุกวงใน-เคลียร์ทุกปัญหา” แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นที่ต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์-น้องรัก ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ

จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะจำแนก ส.ส.ประเภทมีฤทธิ์-เหินหาวได้ กับจำพวกเกาะกระแส “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” เตรียมทางหนีทีไล่-เผื่อใจหากพรรคแตก-ลุงป้อมปลดระวาง

ภาพเฉพาะหน้าของพลังประชารัฐ จึงสลัดความเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” ไม่หลุด ภาพระยะไกล พล.อ.ประยุทธ์-ระบอบ คสช. อยู่ได้ไม่เกิน 8 ปี 2 วาระ พร้อมกับอายุขัยของรัฐธรรมนูญ-บทเฉพาะกาล ส.ว. 250 คน

ข่าวตั้ง “พรรค 3 ป.” เดินเรื่องโดย “ปลัด ฉ.” แห่งกระทรวงคลองหลอด จึงเกิดขึ้นมาได้สักพักใหญ่ แม้ “ตัวละคร” ที่ถูกพาดพิงจะ “แก้ตัว” แต่กลายเป็น “แก้แห”

โปรไฟล์-คอนเน็กชั่น “ปลัดฉิ่ง” พิเศษ-ไม่ธรรรมดา “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” เขา คือ “สิงห์ดำ” จบปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 32

อดีตผู้ว่าราชจังหวัดลพบุรี ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กันยายน ปี 2564

หลังเกษียณอาจจะได้เห็น “บิ๊กฉิ่ง” ถอดเสื้อคลุมข้าราชการ-ใส่ชุดนักการเมือง ตั้งพรรคการเมือง เป็น “ท่ออำนาจ” ให้กับ คสช. และ พี่-น้อง 3 ป.ก็เป็นไปได้??