การแพร่ระบาดของโควิด-19 “ระลอก 3” ทำลายล้างทุกสิ่ง สังคม-เศรษฐกิจ และการเมือง
3 พรรครัฐบาล พลังประชารัฐ (พปชร.)-ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภูมิใจไทย (ภท.) ถูกโควิด-19 “ล็อกดาวน์” จนทำให้การประชุมใหญ่ประจำปี 2564 ต้องเลื่อนออกไป “ไม่มีกำหนด”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
โฟกัสที่พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ที่มีคิวปรับโครงสร้างบริหารพรรค-ทบทวนท่าทีการเข้าร่วมรัฐบาล ต้องเจอโรคเลื่อน-โรคแทรกซ้อนให้มีเวลาได้ตั้งตัว-ตั้งหลัก ล็อบบี้-เปิดดีลต่อรองอำนาจภายในพรรคอย่างน้อย 14 วัน
พลังประชารัฐ-ความพยายามในการเปลี่ยนตัว “พ่อบ้านพรรค” เป็นไปอย่างเผ็ดร้อน “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ถูกขย่ม-เขย่าอย่างหนัก จึงมีข่าว “เลื่อยขาเก้าอี้” รายวัน
จุดไฟอารมณ์ “ขุนพลสามมิตร” จนเกือบถึง “จุดเดือด” ทว่า เสียงระฆัง “โควิดระลอก 3” ดังช่วยชีวิต
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานของ “เสี่ยแฮงค์” ไม่ performance กับตำแหน่ง “ผู้จัดการ” ที่ต้องมีอำนาจ-บารมีทั้งกับ “คนในพรรค” และ “คนนอกพรรค” ทำให้ “เปิดช่อง” แนบ “วาระร้อน” ปรับโครงสร้าง-ชิงการนำภายในพรรค
“คีย์แมนพลังประชารัฐ” ประเมินข่าวโยนหินถามทางเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคว่า “ยังไม่มีสัญญาณ” จาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
ดังนั้น สุดท้ายการเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจ-การนำภายในพรรคจึงขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมใหญ่ของพรรค ไม่ใช่เป็นเพราะความต้องการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
“วันนี้ต้องแก้ปัญหาโควิด-19 ให้ได้ก่อนยังไม่ถึงเวลาที่จะมาพูดเรื่องการเมืองในตอนนี้” แกนนำพลังประชารัฐคนเดิมระบุ
นอกจากการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคแล้ว ยังจะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อทดแทนตำแหน่ง กก.บห.ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง-ทดแทน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต กปปส.-แกนนำ กทม.
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล-การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ถูกสะเดาะกลอน การประชุมใหญ่จะถูกตั้งคำถามถึงท่าที-ทบทวนการร่วมรัฐบาลของพรรค
การประชุมใหญ่ครั้งนี้แม้หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะหายใจทั่วท้องไปได้อย่างน้อย 14 วัน แต่จะกลับมาดุเดือด-เผ็ดร้อนกว่าทุกปี เพราะวิกฤตของพรรคยัง “ไม่ถึงจุดต่ำสุด” ขุนพล-กำลังหลักทยอยกันโบกมือลา-เลือดไหลไม่หยุด ขณะที่เงื่อนในการเข้าร่วมรัฐบาลทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ-พฤติกรรมสีเทาของรัฐมนตรีในรัฐบาล “หลุดเป้า”
โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาธิปัตย์เหมือนถูกหลอก-เต็มใจให้หลอก พรรคแกนนำรัฐบาล-พลังประชารัฐ “เขียนรัฐธรรมนูญด้วยมือ ลบด้วยเท้า” ด้วยการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ-ตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3
จนเกิด “ข้อกังขา” ถึง “ความจริงใจ” ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคแกนนำรัฐบาล-พลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “หัวหน้ารัฐบาล” ที่ทำเหมือน “แก้แต่ไม่แก้” เพื่อรักษาอำนาจ-ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
แหล่งข่าวระดับสูงพรรคเก่าแก่ เปิดวาระลับ-วาระเร่งด่วนก่อนการประชุมใหญ่ที่ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดว่า จะมีการหยิบยกประเด็น “จุดยืน” การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล และมีการขอมติในที่ประชุมเพื่อให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์นอกรอบเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาธิปัตย์จะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ จะมีการหารือในการประชุมใหญ่ของพรรค เพราะเป็นเงื่อนไขของประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ารัฐบาลไม่ตอบสนอง ไม่จริงใจ พรรคอาจจะต้องกลับมานั่งทบทวนท่าทีเพื่อหาข้อสรุป ทำเหมือนกับประชาธิปัตย์ถูกหลอก รวมถึงถูกหลอกให้เข้าร่วมรัฐบาล”
คู่ขนาบไปกับการเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาที่เตรียมไม้เด็ด-ไม้ตาย “จับมือ” กับพรรคฝ่ายค้านเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นอกจากการกำ “ฉันทามติ” ของที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไป “ทวงพันธสัญญา” การแก้ไขรัฐธรรมนูญกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว
การประชุมใหญ่ของพรรคยังจะมีการเลือก “รองหัวหน้าพรรคภาคใต้” ที่ว่างลง 1 ตำแหน่ง-ทดแทนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ลาออกไป โดยมีแคนดิเดต 3 รายชื่อ ได้แก่ 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง 2.นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช-รองประธานวิปรัฐบาล และ 3.นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา
หลังการเมืองคลายล็อกดาวน์-กักตัวครบ 14 วัน สิ้นเดือนเมษายนจะกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง