เพื่อไทยแถลงความพร้อมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จัดหนัก ซักฟอกประยุทธ์ คนเดียว 30 ชั่วโมง ธรรมนัส ยังไม่ขอแจม หลังศึกซักฟอกคุยร่วมงานฝ่ายค้านอีกครั้ง
วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.โฆษกพรรค ร่วมแถลงถึงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม จะเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นไว้ วัตถุประสงค์ครั้งนี้เราต้องการยุติหรือหยุดยั้งการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมรัฐมนตรีอีก 10 คน ครั้งนี้ ที่ใช้ชื่อยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ใช้อำนาจไม่ชอบธรรมเข้าสู่อำนาจ และต้องการสืบทอดอำนาจ โดนไม่ผ่านศรัทธาประชาชน มีการใช้เงินขับเคลื่อนทางการเงิน ดังนั้น นั่งร้านทางการเงินของรัฐบาล เราต้องชี้ให้เห็นว่านั่งร้านเหล่านี้เป็นพิษเป็นภัย
ความทุกข์ทรมานของประชาชนมา 8 ปี ทำให้เราต้องเด็ดหัวออกให้ได้และเอานั่งร้านออกจากการบริหารราชการแผ่นดิน จริงอยู่การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นระบบเสียงข้างมาก มือในสภาเสียงข้างมาก ยากมากที่เราจะชนะได้ เว้นแต่มีเหตุการณ์ หรือสิ่งที่จะบอกกับสมาชิกในสภาได้ว่า ข้อมูลหลักฐานของฝ่ายค้านสามารถพิสูจน์ได้ อาจเป็นแรงบีบให้ฝ่ายรัฐบาลหันมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับเรา
เราได้เตรียมความพร้อม หลักฐาน ให้เห็นถึงพฤติการณ์ พฤติกรรม บกพร่องล้มเหลว ส่อทุจริต ใช้งบประมาณแผ่นดินไปแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง เรามีความมั่นใจว่าสมาชิกที่เป็นผู้อภิปรายจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ภาพโปสเตอร์ และคลิปโฆษณาของพรรค เบื้องต้นประชาชนสนใจมาก พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
นายประเสริฐกล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศ เราจะชี้ให้เห็นถึงธาตุแท้ของเครือข่ายประยุทธ์ ที่เชื่อมโยงกันด้วยผลประโยชน์และคอร์รัปชั่น
พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างมุ่งกอบโกยงบประมาณอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่หวั่นสายตาประชาชน เพียงแต่หวังสะสมกระสุนดินดำในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่นำไปสู่การทุจริต โดยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคจะยื่นพยานหลักฐานต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว จึงขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจใจครั้งนี้
นายประเสริฐกล่าวว่า พร้อมกันนี้พรรคเพื่อไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งสุดท้าย ของรัฐบาลประยุทธ์ ไปกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เปิดกลไกการมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง LINE OA เพื่อไทย @pheuthai หรือ scan QO code จากภาพ ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมผ่านริชเมนู (Rich Menu) ได้ดังนี้
1.ลงมติไล่ประยุทธ์ : ร่วมลงมติประชาชน ไม่ไว้วางใจประยุทธ์และพวก พร้อมฝากข้อความสั้น ๆ ถึงพลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีในรัฐบาล ผ่านระบบของ LINE OA เพื่อไทย เพื่อบันทึกการมีส่วนร่วมในภารกิจประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกัน 2.เสียงประชาชน กดปุ่มเพื่อแสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ส่งเสียงจากประชาชนไปถึง ส.ส.เพื่อไทยในสภาได้ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3.ร่วมคิดนโยบายกับเพื่อไทย มาร่วมกันเดินหน้าเปลี่ยนรัฐบาล มาร่วมกันคิดนโยบายเพื่อคืนความหวัง สร้างชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง
นายสุทินกล่าวว่า คณะทำงานพรรคร่วม 6 พรรค ทำงานร่วมกันมาหลายเดือนวันนี้มีความพร้อมอย่างสมบูรณ์ การจัดเนื้อหา บุคคล ลงตัว ภาพการอภิปรายจะเริ่ม 08.30 น. โดย นพ.ชลน่าน เป็นคนแรกในการแถลงญัตติ และจะขยายญัตติประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นอภิปรายเป็นกลุ่มแต่ละพรรค
เริ่มจากวันแรกของการอภิปรายนั้นจะอภิปรายกลุ่มของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย เปิดฉากเริ่มที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จากนั้นจะกระโดดไปที่ รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ คือนายสุชาติ ชมกลิ่น และสลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จบที่นายจุติ ไกรฤกษ์
วันต่อมา 2 เริ่มจากนายนิพนธ์ บุญญามณี ต่อด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายชุดพี่น้อง 3 ป. ที่จะให้เห็นถึงวีรกรรม เอื้อประโยชน์ ให้พวกพ้อง และคาดว่าเริ่มอภิปรายตัว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ในช่วงค่ำของวันที่ 2 โดยฝ่ายค้านจะจัดหนักถึง 30 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านมีผู้อภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทย 27 คน พรรคก้าวไกล 14 พรรคประชาชาติ 3 พรรคเสรีรวมไทย 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน พรรคเพื่อชาติ 2 คน และพรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า เรารับฟังเสียงจากประชาชน ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต แต่รัฐบาลกลับเมินเฉย ดังนั้น เราจึงทำงานกันอย่างหนัก ผ่านขุนพลของพรรคจำนวนมาก ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายของพรรคเพื่อไทย และร่วมกิจกรรม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของรัฐบาลที่ทำต่อประชาชนจะถูกเปิดเผย และประชาชนจะลงคะแนนไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลทั้งคณะ แม้เสียงไม่พอ แต่จะเป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการกับ ส.ส.งูเห่าในพรรคอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในส่วนของพรรคเขายังเป็นสมาชิกพรรค ส.ส.ของพรรค ย่อมมีหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรค โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจเราถือว่าเข้มข้น ไม่ปกติ ส่วนการลงมติเป็นอย่างไรต้องดูรายละเอียด เขาอาจกลับใจก็ได้ แต่เรายังไม่รู้ เราจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นต่อไป บทกำหนดโทษอยู่ในข้อบังคับพรรค
เมื่อถามถึง กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเข้าร่วมพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ในการหารือขั้นต้น ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ได้เเจ้งความจำนงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื้อหาที่พูดคุยกันมีแต่สอบถามและประสานเรื่องความพร้อมไปจนถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน
แต่ถ้า ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนใจ เเละฝ่ายค้านเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเป้าหมายตรงกัน อาจจะแบ่งเวลาให้ได้อภิปราย แต่จนถึงตอนนั้นยังไม่มีการเเจ้งเข้ามา ทั้งนี้หาก ร.อ.ธรรมนัส ประสานเข้ามาในช่วงระหว่างการอภิปรายในสภานั้น ตนเกรงว่าฝ่ายค้านอาจจะไม่สามารถจัดเวลาให้ได้เพราะทุกอย่างลงตัวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการลงมติจะเป็นไปในทางเดียวกันกับฝ่ายค้านหรือไม่นั้นยังไม่ได้คุยกัน ส่วนเรื่องการเข้าร่วมงานกับพรรคฝ่ายค้านหรือไม่นั้น เข้าใจว่าหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจะคุยกัน
ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวเสริมว่า ต้องแยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกการเข้าร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มันไม่มีพิธีกรรม เพียงแต่สานเจตนาร่วมกันก็เป็นข้อตกลงร่วมได้ ซึ่งขณะนี้เรามี 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนที่สองการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน ที่มีกิจกรรมร่วมบางครั้ง เช่น พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ได้ยึดติดผูกมัดกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ทำกิจกรรมร่วมกันบางครั้ง
แนวทางแบบนี้แล้วแต่พรรคเศรษฐกิจไทยจะเลือกเส้นทางไหนอย่างไร เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่ถ้าจะมาเป็นพรรคที่ 7 เรายินดีอยู่แล้วที่จะรับ ถ้าเข้ามาตรวจสอบรัฐบาล เป็นประโยชน์กับประชาชน