เพื่อไทย จัดหนักอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์ คนเดียว 30 ชั่วโมง

เพื่อไทย จัดหนักอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์ คนเดียว 30 ชั่วโมง

เพื่อไทยแถลงความพร้อมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จัดหนัก ซักฟอกประยุทธ์ คนเดียว 30 ชั่วโมง ธรรมนัส ยังไม่ขอแจม หลังศึกซักฟอกคุยร่วมงานฝ่ายค้านอีกครั้ง

วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.โฆษกพรรค ร่วมแถลงถึงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม จะเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นไว้ วัตถุประสงค์ครั้งนี้เราต้องการยุติหรือหยุดยั้งการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมรัฐมนตรีอีก 10 คน ครั้งนี้ ที่ใช้ชื่อยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ใช้อำนาจไม่ชอบธรรมเข้าสู่อำนาจ และต้องการสืบทอดอำนาจ โดนไม่ผ่านศรัทธาประชาชน มีการใช้เงินขับเคลื่อนทางการเงิน ดังนั้น นั่งร้านทางการเงินของรัฐบาล เราต้องชี้ให้เห็นว่านั่งร้านเหล่านี้เป็นพิษเป็นภัย

ความทุกข์ทรมานของประชาชนมา 8 ปี ทำให้เราต้องเด็ดหัวออกให้ได้และเอานั่งร้านออกจากการบริหารราชการแผ่นดิน จริงอยู่การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นระบบเสียงข้างมาก มือในสภาเสียงข้างมาก ยากมากที่เราจะชนะได้ เว้นแต่มีเหตุการณ์ หรือสิ่งที่จะบอกกับสมาชิกในสภาได้ว่า ข้อมูลหลักฐานของฝ่ายค้านสามารถพิสูจน์ได้ อาจเป็นแรงบีบให้ฝ่ายรัฐบาลหันมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับเรา

เราได้เตรียมความพร้อม หลักฐาน ให้เห็นถึงพฤติการณ์ พฤติกรรม บกพร่องล้มเหลว ส่อทุจริต ใช้งบประมาณแผ่นดินไปแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง เรามีความมั่นใจว่าสมาชิกที่เป็นผู้อภิปรายจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ภาพโปสเตอร์ และคลิปโฆษณาของพรรค เบื้องต้นประชาชนสนใจมาก พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง

นายประเสริฐกล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศ เราจะชี้ให้เห็นถึงธาตุแท้ของเครือข่ายประยุทธ์ ที่เชื่อมโยงกันด้วยผลประโยชน์และคอร์รัปชั่น

พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างมุ่งกอบโกยงบประมาณอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่หวั่นสายตาประชาชน เพียงแต่หวังสะสมกระสุนดินดำในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่นำไปสู่การทุจริต โดยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคจะยื่นพยานหลักฐานต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว จึงขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจใจครั้งนี้

นายประเสริฐกล่าวว่า พร้อมกันนี้พรรคเพื่อไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งสุดท้าย ของรัฐบาลประยุทธ์ ไปกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เปิดกลไกการมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง LINE OA เพื่อไทย @pheuthai หรือ scan QO code จากภาพ ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมผ่านริชเมนู (Rich Menu) ได้ดังนี้

1.ลงมติไล่ประยุทธ์ : ร่วมลงมติประชาชน ไม่ไว้วางใจประยุทธ์และพวก พร้อมฝากข้อความสั้น ๆ ถึงพลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีในรัฐบาล ผ่านระบบของ LINE OA เพื่อไทย เพื่อบันทึกการมีส่วนร่วมในภารกิจประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกัน 2.เสียงประชาชน กดปุ่มเพื่อแสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ส่งเสียงจากประชาชนไปถึง ส.ส.เพื่อไทยในสภาได้ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3.ร่วมคิดนโยบายกับเพื่อไทย มาร่วมกันเดินหน้าเปลี่ยนรัฐบาล มาร่วมกันคิดนโยบายเพื่อคืนความหวัง สร้างชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง

นายสุทินกล่าวว่า คณะทำงานพรรคร่วม 6 พรรค ทำงานร่วมกันมาหลายเดือนวันนี้มีความพร้อมอย่างสมบูรณ์ การจัดเนื้อหา บุคคล ลงตัว ภาพการอภิปรายจะเริ่ม 08.30 น. โดย นพ.ชลน่าน เป็นคนแรกในการแถลงญัตติ และจะขยายญัตติประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นอภิปรายเป็นกลุ่มแต่ละพรรค

เริ่มจากวันแรกของการอภิปรายนั้นจะอภิปรายกลุ่มของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย เปิดฉากเริ่มที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จากนั้นจะกระโดดไปที่ รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ คือนายสุชาติ ชมกลิ่น และสลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จบที่นายจุติ ไกรฤกษ์

วันต่อมา 2 เริ่มจากนายนิพนธ์ บุญญามณี ต่อด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายชุดพี่น้อง 3 ป. ที่จะให้เห็นถึงวีรกรรม เอื้อประโยชน์ ให้พวกพ้อง และคาดว่าเริ่มอภิปรายตัว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ในช่วงค่ำของวันที่ 2 โดยฝ่ายค้านจะจัดหนักถึง 30 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านมีผู้อภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทย 27 คน พรรคก้าวไกล 14 พรรคประชาชาติ 3 พรรคเสรีรวมไทย 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน พรรคเพื่อชาติ 2 คน และพรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า เรารับฟังเสียงจากประชาชน ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต แต่รัฐบาลกลับเมินเฉย ดังนั้น เราจึงทำงานกันอย่างหนัก ผ่านขุนพลของพรรคจำนวนมาก ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายของพรรคเพื่อไทย และร่วมกิจกรรม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของรัฐบาลที่ทำต่อประชาชนจะถูกเปิดเผย และประชาชนจะลงคะแนนไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลทั้งคณะ แม้เสียงไม่พอ แต่จะเป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการกับ ส.ส.งูเห่าในพรรคอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในส่วนของพรรคเขายังเป็นสมาชิกพรรค ส.ส.ของพรรค ย่อมมีหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรค  โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจเราถือว่าเข้มข้น ไม่ปกติ ส่วนการลงมติเป็นอย่างไรต้องดูรายละเอียด เขาอาจกลับใจก็ได้ แต่เรายังไม่รู้ เราจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นต่อไป บทกำหนดโทษอยู่ในข้อบังคับพรรค

เมื่อถามถึง กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเข้าร่วมพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ในการหารือขั้นต้น  ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ได้เเจ้งความจำนงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื้อหาที่พูดคุยกันมีแต่สอบถามและประสานเรื่องความพร้อมไปจนถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน

แต่ถ้า ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนใจ เเละฝ่ายค้านเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเป้าหมายตรงกัน อาจจะแบ่งเวลาให้ได้อภิปราย แต่จนถึงตอนนั้นยังไม่มีการเเจ้งเข้ามา ทั้งนี้หาก ร.อ.ธรรมนัส ประสานเข้ามาในช่วงระหว่างการอภิปรายในสภานั้น ตนเกรงว่าฝ่ายค้านอาจจะไม่สามารถจัดเวลาให้ได้เพราะทุกอย่างลงตัวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการลงมติจะเป็นไปในทางเดียวกันกับฝ่ายค้านหรือไม่นั้นยังไม่ได้คุยกัน ส่วนเรื่องการเข้าร่วมงานกับพรรคฝ่ายค้านหรือไม่นั้น เข้าใจว่าหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจะคุยกัน

ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวเสริมว่า ต้องแยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกการเข้าร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มันไม่มีพิธีกรรม เพียงแต่สานเจตนาร่วมกันก็เป็นข้อตกลงร่วมได้ ซึ่งขณะนี้เรามี 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนที่สองการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน ที่มีกิจกรรมร่วมบางครั้ง เช่น พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ได้ยึดติดผูกมัดกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ทำกิจกรรมร่วมกันบางครั้ง

แนวทางแบบนี้แล้วแต่พรรคเศรษฐกิจไทยจะเลือกเส้นทางไหนอย่างไร เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่ถ้าจะมาเป็นพรรคที่ 7 เรายินดีอยู่แล้วที่จะรับ ถ้าเข้ามาตรวจสอบรัฐบาล เป็นประโยชน์กับประชาชน