ปี 2566 เทรนด์ทองคำขาขึ้น รับเศรษฐกิจโลกถดถอย

ส่องทิศทางราคาทองคำปีกระต่าย 2566 พร้อมกลยุทธ์การลงทุนกับ “ธนรัชต์ พสวงศ์”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากราคาทองคำร่วงลงหนักในปี 2564 จากดอลลาร์ที่แข็งค่าและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี ส่วนทิศทางในปี 2566 ราคาทองคำจะเป็นอย่างไร รวมถึงกลยุทธ์การลงทุน “ประชาชาติเวลธ์ เล่าเรื่องการลงทุน EP.ที่ 48 พูดคุยกับ “ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ค้าทองอันดับ 1 ของประเทศไทย

โดย “ธนรัชต์ พสวงศ์” กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาจริง ๆ ราคามันค่อย ๆ ย่อ แล้วก็ตอนที่เราพีกช่วงโควิดตอนนั้นราคาทองคำขึ้นสูงครับ แล้วคนก็มาเทขายเยอะ แต่หลังจากนั้นมามีเรื่องสงครามรัสเซียกับยูเครน ก็สุดท้ายแล้วสหรัฐอเมริกาก็ทยอยขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำก็จะถูกกดลงมา แต่ระหว่างที่ลงก็จะมีขึ้นเป็นจังหวะ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีประชุมเฟดพอขึ้นดอกเบี้ยราคาทองคำก็ย่อคนก็ซื้อ ก็เล่นรอบ และก็รู้ว่ามันจะย่ออีกก็ซื้ออีก ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ แต่พอมาถึงปลายปีนี้เริ่มเปลี่ยน ก็เหมือนกับรู้ว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยมันจะค่อย ๆ ยุติลงในปีหน้า ก็เลยเหมือนกับว่าคนก็เลยเตรียมที่จะซื้อเพื่อจะเก็งกำไรขาขึ้นในปีหน้า เพราะมองว่าเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยที่ตามมา

โดยแยกปัจจัยบวกปัจจัยลบก่อนนะครับ ปัจจัยบวกเศรษฐกิจอินเดียปีนี้เติบโต 7% ก็น่าจะเป็นอานิสงส์ที่ดี เพราะอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ซื้อขายทองคำค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นดีมานด์จากอินเดียไม่น่าจะตก ส่วนประเทศจีนจะคาดหวังในเรื่องของการที่มันจะเติบโต 7% แบบสมัยก่อนคงไม่ได้ แต่ประมาณ 3-5% ปีหน้าก็ค่อนข้างที่จะเห็นภาพที่จะไปได้ และก็

ประกอบกับเรื่องของเศรษฐกิจจีนที่ปีนี้เป็น Zero-COVID ก็ปิดประเทศมาช้านาน ซึ่งจริง ๆ จีนก็กำลังพยายามปรับนโยบายในเรื่องของเศรษฐกิจและเรื่องของการฟื้นตัวของประเทศ ดังนั้น ในปีหน้าก็น่าจะได้เห็นแรงอัดฉีดที่จะช่วยเหลือภาคเอกชนและก็ในเรื่องของเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัว ก็คิดว่าจะมีดีมานด์ในฝั่งที่เป็นธุรกิจที่จิวเวลรี่และฝั่งการลงทุนจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น ฝั่งสหรัฐ ทุกคนก็คงไม่กังขาเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ย เพียงแต่มองว่าทิศทางในการยุติการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจะเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งก็ต้องดูประกอบไปกับเรื่องของเงินเฟ้อว่าจะกลับมาหลอกหลอนอีกหรือเปล่า แต่ว่าถ้าคุมเรื่องเงินเฟ้ออยู่ก็อาจจะตามมาด้วยเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยบวก

โดยตรงกับราคาทองคำ ส่วนใหญ่แล้วการปรับขึ้นดอกเบี้ยเยอะ ๆ และสูงของสหรัฐ จะตามมาด้วยเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาต้องพยายามทำซอฟต์แลนดิ้งให้ดีก็คือ เหมือนกับว่าพอเศรษฐกิจเริ่มที่จะมีการถดถอยลง ก็จะต้องย้อนกลับอีกด้านหนึ่งก็เริ่มลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และดีไม่ดีอาจจะต้องมีเม็ดเงินที่ต้องเพิ่มเข้ามา เพื่อให้กระตุ้นในเรื่องของการลงทุนด้วย ก็ประมาณ 7 ครั้งที่มีเศรษฐกิจถดถอย 5 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้นค่อนข้างสูง และอีก 2 ครั้งถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นทันที แต่พอผ่านพ้นในเรื่องของเศรษฐกิจที่ไม่ดีผ่านไปมันก็ดีกลับขึ้นมา ก็ถือว่ามีปัจจัยที่จะปรับขึ้นได้เยอะ

ส่วนปัจจัยลบคงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจยุโรป ในกรณีที่สหรัฐ ถ้ายังเจอปัญหาเงินเฟ้อที่ยังตามมาต่อเนื่องก็อาจจะส่งผลต่อยุโรปในเชิงที่หนักขึ้น แต่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐถ้าจะผ่านพ้นไปได้เศรษฐกิจยุโรปก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องของพลังงานที่เป็นต้นทุนที่สูงขึ้น ที่ทำให้เป็นปัจจัยลบ ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้เล็กน้อย

“คิดว่าปัจจัยลบปีนี้เห็นไปเต็ม ๆ แล้วในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และก็ทิศทางที่ต้องจับตาดูกันอยู่ในปีหน้าคือเรื่องของในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ที่เรียกว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐน่าจะมีทิศทางที่ยุติลงได้  และก็มาดูเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นทองคำในปีหน้าผมคิดว่าเรื่องดอกเบี้ยอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับปีนี้แล้ว” นายธนรัชต์กล่าว

ปีหน้าเราให้กรอบประมาณ 1,700-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ต้องบอกว่าหลายคนก็ถามทองคำจะขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือเปล่า ซึ่งทิศทางจริง ๆ ต้องบอกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมาที่ขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ขึ้นไปแตะแบบชั่วคราวแล้วก็ลงทันที เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าทิศทางเป็นขาขึ้นให้กรอบอยู่ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อน แล้วรอดูว่าถ้าสามารถยืนพื้นที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ดีโอกาสที่ปรับขึ้นต่ออีก 100 เหรียญไม่ใช่เรื่องยาก

ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำภายในประเทศ ซึ่งในปีหน้าทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่า เพราะว่าถ้าดอลลาร์อ่อนค่าจากการที่หยุดการขึ้นดอกเบี้ย เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่ประเทศไทยกำลังเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เศรษฐกิจกลับมาเติบโตก็มีโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่า ก็ทำให้ราคาทองคำในประเทศอาจจะถูกกดดันได้เล็กน้อยเป็นช่วง แต่ว่าแรงขึ้นของ Spot ทองคำ เมื่อมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็อาจจะทำให้ราคา Spot นำในเรื่องของค่าเงินบาทได้

เพราะฉะนั้น ก็ทำให้นักลงทุนที่ถือทองคำยังถือโอกาสซื้อในจังหวะที่ถูกเพื่อไปขายในจังหวะในช่วงกำไรขึ้นไปได้ ราคาก็อยู่ประมาณ 28,000-30,500 บาทต่อบาททองคำ

ทั้งนี้ คาดว่าปีหน้าสำหรับทองคำก็เป็นปีที่ดี เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วคนชอบที่เป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง เพราะว่าขาลงถึงแม้จะมีเงินเพื่อเก็บออม แต่เวลาเก็บออมไปเรื่อย ๆ ยังลงไปเรื่อย ๆ บางทีก็ถัวจนช้อนหัก หรือบางคนก็บอกว่าเก็บจนไม่รู้ต้องรอจุดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นมันใช้เวลาในการรอผลตอบแทน เรามองภาพว่ารอบนี้เป็นรอบที่ใกล้ BOTTOM มาก

เพราะฉะนั้น ถ้าเก็บราคายาวจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าแตะแนวต้านที่เราให้ไว้ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อเทสต์ว่าจะขึ้นไปต่อได้ไหม ถึงจุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็แนะนำทยอยขายสักครึ่งหนึ่งทำกำไร และอีกครึ่งหนึ่งก็เก็บไว้เป็นต้นทุนที่จะไปต่อ เผื่อมีโอกาสที่จะไปได้ มือใหม่มือเก่าแนะนำเหมือนกันคือ ต้องใช้ความระมัดระวังและก็ต้องมีการศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ข่าวสารเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว และก็ปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาก็ทำให้ราคามันเกิดความตกใจได้ง่าย

ทั้งนี้ ธนรัชต์ พสวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทางเราเป็นจุดที่ดีอย่างหนึ่งคือว่า จริง ๆ แล้วเรามีความพร้อมในเรื่องของการรับมือกับสถานการณ์ เพราะว่าก่อนที่โควิดจะเกิดขึ้น เราก็คุยกันว่าถ้าเกิดโควิดแล้วนักลงทุนไม่สามารถมาทำธุรกรรมที่บริษัทได้ เพราะทุกอย่างถูกชัตดาวน์ เราจะให้บริการลูกค้าต่อไปอย่างไร ก็เป็นที่มาของแอปพลิเคชั่น GOLD NOW ว่าทำให้ลูกค้ายังสามารถส่งคำสั่งซื้อขายและลงทุนได้

“จริง ๆ ก็ยังมีลูกค้าเปิดบัญชีเยอะมากหลักพันต่อวัน หลัก ๆ เราให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีพอสมควร เพราะผมคิดว่าโลกมันมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

เพราะฉะนั้น เราให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการปรับตัว ว่าอะไรที่มันเป็นเทรนด์ใหม่ หรือสิ่งที่คนต้องการ เราพยายามที่จะให้บริการให้ตรงต่อเป้าหมายและตรงเวลา คือหนึ่ง ลูกค้าเปิดบัญชีสะดวกและไม่ต้องมีหลักประกันมาวาง และไม่มีความเสี่ยงด้วย เพราะว่าเวลาที่ลูกค้ากดคำสั่งซื้อขายเราได้รับเงินลูกค้าเต็มจำนวน เราให้ทองทันที ลูกค้าขายกับเราตี 1 ตี 2 ได้เงินเข้าบัญชีวินาทีนั้นเลย เพราะฉะนั้น มันเป็นอะไรที่ผมคิดว่ายังไม่ได้ทำได้ทุกที่ ซึ่งที่ผ่านมาในเซกเมนต์นี้เราทำมาได้ดีก็เลยทำให้ผู้ใช้งานสะดวก