นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดวันนี้ (26 ธ.ค.) มีมติรับทราบแนวทางการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่ง กทพ. กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ตามที่คณะทำงานคณะทำงานแก้ปัญหาข้อพิพาทที่มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานมีข้อสรุปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการนำประเด็นที่เป็นข้อพิพาทมาสรุปรวมกันเท่านั้น โดยได้ตัดเงื่อนไขที่เเป็นการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) รวมถึงการก่อสร้างขยายเส้นทางอื่นๆออกไปก่อน
ทำให้เงื่อนไขในขณะนี้ ยังเเป็นการเสนอต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วน เพื่อระงับข้อพิพาทที่มีจำนวน 17 คดี เป็นการต่ออายุสัญญาในระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน คิดเป็นมูลค่าข้อพิพาทรวม 58,873 ล้านบาท หลังจากนี้จะนัดหมายกับ BEM เพื่อมาเจรจาตามเงื่อนไขที่ได้รับทราบไปข้างต้น อยู่ระหว่างกำหนดวันเวลาที่เหมาะสม แต่คาดว่าไม่น่าเกินเดือน ม.ค. 2563 นี้แน่นอน และหากการเจรจาเป็นผลสำเร็จได้เร็ว ก็น่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบได้
ส่วนการก่อสร้าง Double Deck และส่วนต่อขยายเส้นทางต่างๆ ขณะนี้กระทรวงคมนาคมให้นโยบายว่า ต้องการให้กทพ.รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไปศึกษาทั้งระบบก่อน แล้วจึงมานำเสนอให้รับทราบในภายหลัง ซึ่งหาก กทพ.จะต้องลงทุนเองก็ไม่มีปัญหา เพราะมีศักยภาพที่จะทำอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายละเอียดการขยายสัญญาสัมปทานดังกล่าว เป็นการต่อให้ใน 3 โครงการสำคัญให้หมดอายุสัญญาพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค. 2578 ดังนี้ 1. ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A (พระราม 9 – รัชดา) B (พญาไท – บางโคล่) และ C (รัชดา – แจ้งวัฒนะ) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 29 ก.พ. 2563 ได้รับการต่ออายุสัญญาออกไป 15 ปี 8 เดือน 2. ทางด่วนขั้นที่2 ส่วน D (พระราม 9 – ศรีนครินทร์) จากเดิมสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 22 เม.ย. 2570 ได้รับการต่ออายุสัญญาออกไปอีก 8 ปี 6 เดือน และทางด่วนอุดรรัถยา (บางปะอิน – ปากกร็ด) จากเดิทสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 27 ก.ย. 2569 ได้รับการต่ออายุสัญญาออกไปอีก 9 ปี 1 เดือน
