ณวัฒน์ ผุดโครงการ “เป็นโควิดต้องมีที่รักษา” ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด

ณวัฒน์ อิสรไกลศีล

ณวัฒน์ – ทีมมิสแกรนด์ เปิดตัวโครงการ “เป็นโควิดต้องมีที่รักษา” ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีสถานที่รักษาพยาบาล

วันที่ 27 เมษายน 2564 เมื่อเวลา 14.00 น. นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานผู้ก่อตั้งมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ และมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล แถลงข่าวโครงการ “เป็นโควิดต้องมีที่รักษา” ช่วยเหลือผู้ป่วยติดโควิด-19 ที่ไม่มีสถานที่รักษาพยาบาล และยังไม่ได้รับการดูแล ณ บางกอก ทัวร์ริส เลานจ์ ชั้น 1 โชว์ดีซี พระราม 9 ตามรายงานของมติชนออนไลน์

นายณวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้สัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 มาในหลายกรณี และได้พยายามบอกรัฐบาล และศบค. หลาย ๆ ครั้งถึงสถานการณ์ที่ไม่นิ่ง แต่การพูด การอธิบาย และเรียกร้อง ไม่เกิดประโยชน์อันใด

“ได้เห็นภาพอาม่าติดโควิดไม่ได้รับการรักษาป่วยเสียชีวิตอยู่ที่บ้าน จึงเกิดเป็นภาพขึ้นมาในหัวว่าจะรอพึ่งกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเองด้วย แม้อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ยังได้ลงมือทำ” นายณวัฒน์เปิดเผยถึงที่มาของโครงการ

นอกจากนี้ยังย้ำด้วยว่า โครงการเป็นโควิดต้องมีที่รักษา ฟรี! ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะทางโครงการได้ประสานงานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คุณสมบัติของผู้ร่วมโครงการ

1.ต้องผ่านการตรวจแล้วและมีผลตรวจจากโรงพยาบาลว่าเป็นโควิด-19 มีเอกสารตรวจเจอแล้ว

2.ยังไม่มีใครยอมมารับไปรักษาโดยยังคงอยู่ในที่พักอาศัย

หากมีคุณสมบัติตามนี้และต้องการความช่วยเหลือให้แอดไลน์ @missgrand จะมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน โดยหนึ่งในนั้นคือทีมนางงามมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 อาทิ น้ำ-พัชรพร มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 และ ออย จุฑามาศ รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์

ที่ได้ผ่านการอบรมโดยโรงพยาบาลเกี่ยวกับวิธีสอบถามข้อมูลการคัดกรองเบื้องต้น ทำการติดต่อกลับเพื่อสอบถามรายละเอียด และนำข้อมูลมาจัดเก็บเพื่อส่งต่อแก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ต่อไป ฉะนั้นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการความช่วยจะต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ เพื่อทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ปกปิดข้อมูล

PHOTO : KHAOSOD ONLINE

จากการดำเนินการโครงการมา 4 วัน พบว่ามีทั้งกรณีที่ผู้ป่วยทราบว่าติดโควิด-19 มาแล้ว 20 วันแต่ยังไม่ได้รับการรักษา บางกรณีที่แย่ที่สุดคือ ติดโควิดคนเดียว แต่ไม่ได้รับการรักษาทันทีทำให้สุดท้ายติดโควิดกันทั้งบ้านกว่า 10 ชีวิต หลายบ้านมีเด็ก คนชรา และคนท้อง

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 4 วันที่ผ่านมา โครงการ “เป็นโควิดต้องมีที่รักษา” เก็บข้อมูลของผู้ป่วยที่ติดต่อขอความช่วยเหลือแล้วทั้งหมด 80 เคส ส่งต่อเคสไปยังโรงพยาบาลและได้รับการรักษาแล้วทั้งหมด 25 เคส ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าต่อจากนี้ในหนึ่งวันจะต้องเก็บข้อมูลและช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50 คนต่อวัน และขณะนี้ยังมีผู้ติดต่อเข้ามาอีก 347 เคส ที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการติดต่อกลับ ทั้งนี้ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาของโครงการ แต่ดูจากสถานการณ์โควิด-19

“สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการและได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจะต้องอยู่รักษา 10 วัน ถ้าหายก็กลับบ้าน แต่หากอาการหนักขึ้นก็จะส่งไปรักษาต่อตามอาการ ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นที่พึ่ง แต่อยากให้มองว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของผู้ป่วยโควิดที่ติดแล้วแต่ยังอยู่ที่พัก พยายามติดต่อเบอร์หลักแล้วยังติดต่อไม่ได้ หรือยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ เพราะทุกคนก็ได้พยายามแล้ว ทั้งนี้ชีวิตของทุกคนมีค่า สิทธิมนุษยชนต้องเท่าเทียมกัน ทุกคนต้องได้รับการรักษา” ณวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย