
เปิดประวัติ BG SPORTS จากผู้บริหารสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สู่ผู้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลในไทย บน YouTube ตลอดปี 2025
ชื่อของ BG SPORTS เป็นที่สนใจของเหล่าคอบอลไทย ในช่วง 1-2 ปีมานี้ จากการเป็นแพลตฟอร์มบน YouTube ที่ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล โดยเฉพาะการแข่งขันของทัพช้างศึก ฟุตบอลทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอล ASEAN Mitsubishi Electric Cup 2024 เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
และในปี 2568 นอกจาก BG SPORTS จะประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับฟุตบอลทีมชาติไทยแล้ว ยังได้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลของ “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่ และชุดรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รายการเมเจอร์ ตลอดปี 2025 ในรูปแบบ OTT
“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จัก BG SPORTS ให้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นจาก “สโมสรฟุตบอล”
บริษัท บีจี สปอร์ตส จำกัด หรือชื่อเดิม “บริษัท บีจีเอฟซี สปอร์ต จำกัด” จดทะเบียนก่อตั้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 280 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ บมจ.บางกอกกล๊าส ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วและกระจกแผ่นรายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งแรกเริ่มก่อตั้งขึ้นเพื่อบริหารสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตามแนวทางการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ
สำหรับสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นที่รู้จักของแฟนบอลในฉายาเดอะ แรบบิตส์ (The Rabbits) มานานกว่า 10 ปี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2522 ในชื่อ “สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส” จากการรวมตัวกันของพนักงานเพื่อส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขันในรายการสมัครเล่น
ต่อมาได้เล็งเห็นความสำคัญของกีฬาฟุตบอล จึงส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ภายใต้การรับรองของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กลายเป็นจุดกำเนิดของสโมสรฟุตบอลบีจีพียู ในปี พ.ศ. 2552 และได้เข้าร่วมแข่งขันจนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้หลายรายการ
กระทั่งปี 2563 ได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท บีจี สปอร์ตส์ จำกัด” และเมื่อกันยายน 2567 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัว BG SPORTS ช่องถ่ายทอดสดฟุตบอล และคอนเทนต์ด้านกีฬา ผ่านทางแพลตฟอร์ม YouTube โดยผ่านงานถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลมาแล้ว ทั้งในระดับอาเซียน คือ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน, ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน จนถึงการแข่งขันกีฬาในต่างประเทศ ทั้งฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่น และฟุตบอลอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ 2024/25 ซึ่งเป็นลีกอันดับ 2 ของประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ ในการเปิดตัว BG SPORTS อย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2567 ได้มีการประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3, ศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีลิต ฤดูกาล 2024/25, เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทู ฤดูกาล 2024/25 และการแข่งขันเอเอฟซี วูเมนส์ แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024/25
ขณะที่ฟุตบอลไทย BG SPORTS เคยคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทีมชาติไทยลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน คัพ 2024 พร้อมทั้งประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับฟุตบอลทีมชาติไทย นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป ครอบคลุมตั้งแต่ค่าใช้จ่ายที่พัก สนามฝึกซ้อม และการเดินทางของทีมชาติไทย เพื่อเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันฟุตบอล AFC Asian Cup รอบคัดเลือกที่กำลังจะมาถึงในเดือนมีนาคม
และล่าสุด ปี 2568 BG SPORTS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันของทีมชาติไทยชุดใหญ่ และชุดรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รายการเมเจอร์ ตลอดปี 2025 ในรูปแบบ OTT (Over-the-Top Media Service) แบบ Nonexclusive
โดย BG SPORTS จะถ่ายทอดสดโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทยชุดใหญ่ จนจบรายการ AFC Asian Cup 2027 Qualifiers, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน King’s Cup ครั้งที่ 51 และโปรแกรมการแข่งขันกระชับมิตร FIFA Days ตลอดปี 2025 รวมทั้งสิ้น 11 นัด
ขณะที่ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี BG SPORTS จะถ่ายทอดสดรวมทั้งสิ้น 10 นัด ในปี 2025 ประกอบด้วย รายการอุ่นเครื่อง DOHA CUP จำนวน 3 นัด, AFC U23 Asian Cup รอบคัดเลือก จำนวน 3 นัด และ โปรแกรมการแข่งขันกระชับมิตรอีกจำนวน 4 นัด
ในแง่มุมของการถ่ายทอดสดกีฬา องค์ประกอบสำคัญที่สุด คือ นักพากย์กีฬา ซึ่งทีมพากย์ของ BG SPORTS มีสไตล์การพากย์ที่เพิ่มมุขตลก เพิ่มสีสันให้การดูฟุตบอลไม่น่าเบื่อ แม้จะมีผู้ชมบางส่วนอาจไม่พอใจในสไตล์ดังกล่าวก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจ และทำให้รู้สึกว่าการดูฟุตบอลนั้นสนุก เหมือนนั่งดูกับเพื่อนจริง ๆ
เปิดรายได้ BG SPORTS
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุข้อมูลรายได้ของบริษัท บีจี สปอร์ตส จำกัด ตั้งแต่ปี 2562-2566 ไว้ดังนี้
ปี 2562
- รายได้หลัก : 183,961,720 บาท
- รายได้รวม : 185,679,264 บาท
- รายจ่ายรวม : 221,975,200 บาท
- ขาดทุนสุทธิ 40,716,428 บาท
ปี 2563
- รายได้หลัก : 211,732,886 บาท
- รายได้รวม : 214,871,510 บาท
- รายจ่ายรวม : 256,997,786 บาท
- ขาดทุนสุทธิ 46,870,731 บาท
ปี 2564
- รายได้หลัก : 307,568,117 บาท
- รายได้รวม : 381,465,277 บาท
- รายจ่ายรวม : 371,361,408 บาท
- กำไรสุทธิ 4,755,520 บาท
ปี 2565
- รายได้หลัก : 353,232,345 บาท
- รายได้รวม : 376,905,937 บาท
- รายจ่ายรวม : 368,777,390 บาท
- กำไรสุทธิ 4,512,863 บาท
ปี 2566
- รายได้หลัก : 347,936,898 บาท
- รายได้รวม : 378,058,765 บาท
- รายจ่ายรวม : 407,705,806 บาท
- ขาดทุนสุทธิ 34,441,996 บาท