ทูตเวียดนามชี้ช่องลงทุนก่อสร้าง-โรงแรม-เดินเรือ-

หนุนบุกตลาด - เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด จัดงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ "NEPON VIETNAM 2017" ที่เมืองฮานอย เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุน เพราะเวียดนามมีเป้าหมายเป็นฐานผลิตโลกในปี 2020

เอกอัครราชทูตไทยชี้ช่องธุรกิจน่าลงทุนเวียดนาม “ก่อสร้าง-โรงแรม-โทรคมนาคม-ธุรกิจเดินเรือ” เหตุเศรษฐกิจเวียดนามโตทุกปี ด้าน “รี้ด เทรดเด็กซ์” สบช่องจัดงาน NEPON VIETNAM หนุนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ไทย สร้างเครือข่ายพันธมิตรลงทุน

นายมานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย กล่าวว่า ปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ประกอบกับมีประชากรเกิดใหม่ กลุ่มผู้ใช้แรงงานมีมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ รวมไปถึงยุโรป สหรัฐ มองเห็นโอกาสลงทุนในเวียดนาม สำหรับธุรกิจที่มีโอกาสมาก เช่น กลุ่มก่อสร้าง โรงแรม โทรคมนาคม รวมถึงธุรกิจเดินเรือ

“แม้ว่าขณะนี้นักธุรกิจไทยจะเข้าไปลงทุน แต่เทียบสัดส่วนยังน้อย หากอีกประมาณ 4-5 ปีข้างหน้ายังไม่เข้าไปลงทุนเพิ่ม อาจจะเสียโอกาสทางการค้า การส่งออกให้ประเทศคู่แข่งได้ เพราะตลาดเวียดนามยังมีช่องทางการค้า คนเวียดนามมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น หากผู้ประกอบการไทยจะเข้าไป ต้องศึกษาตลาด สินค้า ความต้องการผู้บริโภค คู่แข่ง”

ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนาม เนื่องจากเห็นโอกาส และปัจจัยที่เกิดจากรายได้ต่อคนเพิ่มขึ้น การจับจ่ายซื้อสินค้ามีการเติบโต เศรษฐกิจเติบโตจากความมีเสถียรภาพทางการเมือง นโยบายส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนมีความต่อเนื่อง การได้สิทธิพิเศษทางการค้า กับประเทศผู้นำเข้า ระบบการคมนาคมที่เอื้อต่อการขนส่ง เพื่อการส่งออก มีท่าเรือน้ำลึก และมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนน รถไฟ ซึ่งเป็นแรงดึงดูดทำให้หลายประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น เช่น ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าไปลงทุน เพื่อผลิตชิ้นส่วนส่งออกให้กับประเทศที่ 3 และยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ เข้าไปลงทุนด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อการเข้าไปลงทุนในเวียดนามที่นักลงทุนต้องพิจารณา คือ ค่าเช่าพื้นที่ที่สูง และอายุเช่าอยู่ที่ 50 ปี ซึ่งน้อยมาก และเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการขนาดเล็กอาจจะต้องพิจารณา ศึกษาก่อนเข้าไปลงทุน

นายอิสระ บุรินทรามาตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าแห่งอาเซียน กล่าวว่า บริษัทได้จัดงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ NEPON VIETNAM 2017 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก ได้มีโอกาสเจรจาธุรกิจการค้า เนื่องจากเห็นโอกาสการค้า การลงทุน และการส่งออกที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเวียดนามมีเป้าหมายในปี 2020 จะเป็นฐานการผลิตสินค้าให้กับทั่วโลก และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนามเติบโตทุกปี มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตลาดมีการเติบโตทั้งในรูปของการส่งออก การขายภายในประเทศ ดังนั้น การจัดงาน เนปออน เวียดนาม 2017 ครั้งนี้ ซึ่งจะมีการแสดงการประกอบ การตรวจวัด การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก และผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าต่างประเทศมีการตอบรับและสนใจที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามมากขึ้น พร้อมกับหาช่องทางในการหาคู่ค้าที่ดีที่จะเข้ามาผลิตชิ้นส่วนเพื่อการส่งออก นอกจากนี้ยังมีการนำนักลงทุนญี่ปุ่นมาหาคู่ค้าทางธุรกิจในงานนี้ด้วย เพื่อต่อยอดด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ บริษัทมองว่าเวียดนามยังมีช่องทางให้การส่งออกของไทยมีการเติบโตจากการเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้อนให้กับโรงงานผู้ผลิตอุปกรณ์ เนื่องจากสัดส่วนการผลิตที่ใช้ในประเทศยังต่ำ ขณะที่ไทยมีศักยภาพ ที่สำคัญ มูลค่าการส่งออกของไทยไปเวียดนาม เติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 13.3% โดยสินค้าที่ส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ ส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และภาคธุรกิจที่ไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนาม เช่น ภาคการผลิตเครื่องจักร เครื่องมือ อาหาร และอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บริษัทเล็งเห็นโอกาสที่ไทยควรเข้าไปลงทุน เป็นผลมาจากการจัดงานของบริษัทที่ผ่านมา โดยในปี 2017 บริษัทมีการจัดงานในเวียดนามไปแล้ว 7 ครั้ง สัดส่วนรายได้ของการจัดงานอยู่ที่ 12% ของรายได้ทั้งหมด และคาดว่าในปี 2018 จะเติบโตอยู่ที่ 14% ด้วยบริษัทเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโต และพฤติกรรมของประชากรในเวียดนามที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการเองด้วย และอนาคตยังจะเพิ่มการจัดงานให้มากขึ้นในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น การตกแต่งดีไซน์ แฟชั่น เครื่องสำอาง ที่เป็นงานแสดงวัสดุ อุปกรณ์สำหรับร้านค้าและแฟรนไชส์ ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายการจัดงานแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นปีละงาน